Page 73 - b29416_Fulltext
P. 73

71


                                  34
                   รับเลือกเป็น ส.ส.  (ต่อมาในปี 2550 พลตรี สนั่น และสมาชิกพรรคมหาชน ย้ายไปพรรคชาติไทย
                   ท าให้พรรคมหาชนหมดสภาพการเป็นพรรคการเมืองที่มีศักยภาพในการแข่งขันในทางปฏิบัติ และ
                                                                   35
                   ล่าสุดได้สิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมืองในปี พ.ศ. 2563)
                          ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ชี้ว่าเพดานขั้นต่ าร้อยละ 5 ยังเป็นอุปสรรคส าคัญส าหรับพรรคการเมือง

                   ขนาดเล็กที่จะได้ที่นั่งในสภา กรณีพรรคมหาชนซึ่งได้เสียงในระบบบัญชีรายชื่อประมาณ 1 ล้าน 3
                   แสนเสียง ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 4.34 แต่ไม่ได้จัดสรรที่นั่งในระบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งหากเพดานขั้นต่ า

                   น้อยกว่าร้อยละ 4 หรือไม่มีเพดานขั้นต่ าเลย พรรคมหาชนจะได้ที่นั่งในระบบบัญชีรายชื่ออย่างน้อย
                   4 ที่นั่ง ในขณะเดียวกันระบบเลือกตั้งแบบเขตที่ใช้ระบบเสียงข้างมากแบบเขตเดียวคนเดียวก็เป็น

                   ระบบที่พรรคขนาดเล็กแข่งขันได้ยากอยู่แล้วโดยปรกติ การมีผู้แทนระบบเขตมากกว่าบัญชีรายชื่อ
                   ถึง 4 ต่อ 1 ยิ่งยากที่พรรคขนาดเล็กจะได้ที่นั่งเข้าสู่สภา



                   ตารางที่ 16 : ผลการเลือกตั้งของพรรคขนาดเล็กในการเลือกตั้งปี พ.ศ. 2548

                                                           บัญชีรายชื่อ
                      พรรคการเมือง  ที่นั่งแบบเขต                                ที่นั่งรวม   ร้อยละ
                                                   คะแนน      ร้อยละ     ที่นั่ง
                     มหาชน               2        1,346,631    4.34       0         2         0.4
                      ที่มา: ส านักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (2548)


                          การเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2550

                          การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกภายใต้รัฐธรรมนูญ 2550 ซึ่งมีการเปลี่ยน
                   ระบบเลือกตั้งโดยยังคงระบบผสมแต่ในระบบเขตใช้ระบบบล็อกโหวต และในระบบบัญชีรายชื่อใช้เขต

                   ภูมิภาคแทนที่เขตเลือกตั้งทั่วประเทศ ผลการเลือกตั้งแสดงให้เห็นว่าพรรคเล็กได้รับเลือกตั้งเข้าสู่สภา

                   จ านวน 3 พรรค คือ พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา มัชฌิมาธิปไตย และประชาราช โดยเกือบทั้งหมด
                   ของที่นั่งพรรคเล็กได้จากที่นั่งในระบบเขต สาเหตุเป็นเพราะว่าทั้ง 3 พรรคแม้จะเป็นพรรคตั้งใหม่

                   ส าหรับแข่งขันในการเลือกตั้งครั้งนี้ แต่ในทางปฏิบัติคือพรรคที่ประกอบด้วยนักการเมืองที่มี

                   ประสบการณ์ทางการเมืองยาวนานและมีฐานเสียงแน่นหนาในพื้นที่ แกนน าพรรคทั้ง 3 พรรค คือ
                   หัวหน้ากลุ่มการเมืองย่อยในพรรคไทยรักไทยซึ่งแยกตัวออกมาเมื่อพรรคไทยรักไทยถูกยุบพรรค

                   ฉะนั้นทั้ง ฉะนั้นทั้ง 3 พรรคจึงไม่ใช่พรรคทางเลือกเชิงนโยบาย หากเป็นพรรคแนวกลุ่ม/มุ้งการเมืองที่
                   เน้นฐานเสียงเฉพาะพื้นที่ ดังที่พรรคประชาราชได้ที่นั่งเป็นหลักจากจังหวัดสระแก้วของนายเสนาะ





                   34  “เปิดตัว ‘พรรคมหาชน’- เสธ.หนั่นรับบทกุนซือ,” ผู้จัดการออนไลน์, 2 ก.ค. 2547 https://mgronline.com/politics/detail/
                   9470000016658; พรเทพ เตชะไพบูลย์, “การบริหารองค์การและการด ารงอยู่ของพรรคการเมือง: ศึกษากรณีพรรคประชาธิปัตย์และ
                   พรรคมหาชน,” วารสารสถาบันพระปกเกล้า, 9: 3 (ก.ย.–ธ.ค. 2554).
                   35  “ประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่องพรรคมหาชนสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมือง,” ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 137 ตอนที่ 6

                   ก, วันที่ 23 มกราคม 2563, น.45 http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2563/A/006/T_0045.PDF
   68   69   70   71   72   73   74   75   76   77   78