Page 50 - b29416_Fulltext
P. 50
48
อีก 5 พรรคที่เหลือในระบบการเมืองครั้งนี้ได้ที่นั่งน้อยกว่าสัดส่วนคะแนน โดยความไม่เป็น
สัดส่วนของพรรคเพื่อแผ่นดิน รวมใจไทยชาติพัฒนา มัชฌิมาธิปไตย และประชาราชนั้นถือว่าต่ ามาก
คือ เกือบได้ที่นั่งในสัดส่วนที่แต่ละพรรคควรได้ ส่วนพรรคที่ถือว่าเสียเปรียบมากที่สุดในการเลือกตั้ง
ภายใต้ระบบเลือกตั้ง 2550 คือ พรรคประชาธิปัตย์ที่ได้ที่นั่งน้อยกว่าที่ควรจะได้รับร้อยละ 6.07
(ดูตารางที่ 4) สาเหตุส าคัญเพราะพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นพรรคขนาดใหญ่นั้น ปรกติจะท าผลงาน
ได้ดีในระบบบัญชีรายชื่อ แต่ระบบเลือกตั้งปี 2550 ไปลดจ านวนที่นั่งในระบบบัญชีรายชื่อลง ท าให้
พรรคประชาธิปัตย์ได้รับการจัดสรรที่นั่งน้อยลงตามไปด้วย
ตารางที่ 4 : ความไม่เป็นสัดส่วนระหว่างคะแนนเสียงและที่นั่งในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2550
พรรคการเมือง คะแนนในระบบ ที่นั่งในสภา ความไม่เป็นสัดส่วน
บัญชีรายชื่อ (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ)
พลังประชาชน 41.08 48.54 7.46
ประชาธิปัตย์ 40.45 34.38 -6.07
ชาติไทย 4.04 7.71 3.67
เพื่อแผ่นดิน 5.32 5.00 -0.32
รวมใจไทยชาติพัฒนา 2.47 1.88 -0.59
มัชฌิมาธิปไตย 1.50 1.45 -0.05
ประชาราช 1.36 1.04 -0.32
ที่มา: ค านวณจากส านักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (2550)
การเลือกตั้งปี 2554
การเลือกตั้งครั้งนี้ยังคงใช้ระบบผสมแบบคู่ขนาน แต่เปลี่ยนสัดส่วนจ านวนที่นั่งส.ส. บัญชี
รายชื่อและ ส.ส. เขต เสียใหม่ โดยเพิ่มจ านวน ส.ส. บัญชีรายชื่อจาก 80 เป็น 125 ที่นั่ง และ
ลดจ านวน ส.ส. เขตเหลือ 375 ที่นั่ง สาเหตุก็เป็นเพราะว่าพรรคประชาธิปัตย์มีโอกาสได้เป็นรัฐบาล
และผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในส่วนระบบเลือกตั้งของปี 2550 โดยพรรคประชาธิปัตย์
สรุปบทเรียนจากการเลือกตั้งปี 2550 ว่าการลดจ านวน ส.ส. บัญชีรายชื่อท าให้พรรคเสียประโยชน์
จึงท าการแก้ไขเสียใหม่
ผลการเลือกตั้งปรากฏว่ามีพรรคที่ได้ที่นั่งเกินสัดส่วนคะแนนของตนอยู่ 4 พรรคคือ เพื่อไทย
ภูมิใจไทย ชาติไทยพัฒนา และพลังชล กรณีพรรคเพื่อไทยนั้นความไม่เป็นสัดส่วนก็มาจากสาเหตุเดิม
ที่เหมือนกับพรรคไทยรักไทยและพลังประชาชน แต่น่าสังเกตว่าพรรคเพื่อไทยได้ที่นั่งเกินจากสัดส่วน
น้อยกว่าการเลือกตั้งครั้งก่อนๆ สาเหตุเพราะว่าจ านวน ส.ส. เขตที่ชนะเลือกตั้งกับสัดส่วนคะแนน
บัญชีรายชื่อของพรรคนั้นมีช่องว่างที่แคบลงในการเลือกตั้งครั้งนี้ (54.4: 48.41)