Page 47 - b29416_Fulltext
P. 47
45
นอกจากนั้น งานวิจัยในระยะหลังยังชี้ให้เห็นว่า ความไม่เป็นสัดส่วนระหว่างคะแนนเสียงกับ
ที่นั่งยังน าไปสู่ภาวะประชาธิปไตยถดถอยในหลายประเทศ อาทิ ฮังการี ตุรกี โปแลนด์ รัสเซีย เป็นต้น
เนื่องจากพรรคการเมืองที่ชนะเลือกตั้งได้เป็นรัฐบาลได้ครองที่นั่งข้างมากในสภามากเกินกว่าสัดส่วน
คะแนนเสียงที่พรรคของพวกเขาได้รับ เสียงข้างมากในสภาดังกล่าวเอื้อให้ผู้น าสามารถด าเนินโยบาย
แบบแข้งกร้าว ไม่ฟังเสียงประชาชนและไม่สนใจกลไกการตรวจสอบถ่วงดุลอ านาจในระบบ
นอกจากนั้นในกรณีที่มีเสียงข้างมากเด็ดขาดก็อาจะผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเสริมสร้างอ านาจ
ให้ผู้น าใช้อ านาจได้อย่างเด็ดขาดมากขึ้นได้ จนท าให้หลักการตรวจสอบถ่วงดุลในระบอบ
ประชาธิปไตยไม่ท างาน และท าให้ประชาธิปไตยถดถอยได้ (Levitsky and Ziblatt 2019; Haggard
and Kaufman 2021)
การเปรียบเทียบความไม่เป็นสัดส่วนระหว่างระบบเลือกตั้งตั้งแต่ปี 2540 ถึง 2560 จึงมี
ความส าคัญในบริบทของการเมืองไทยในยุคสมัยแห่งความขัดแย้ง เพื่อเป็นเกณฑ์ในการพิจารณา
ออกแบบระบบเลือกตั้งที่เหมาะสม โดยการศึกษาวิจัยค้นพบว่าการเลือกตั้งแต่ละครั้งที่ใช้ระบบ
เลือกตั้งต่างกันมีความไม่เป็นสัดส่วนดังต่อไปนี้
การเลือกตั้งปี 2544
การเลือกตั้งครั้งนี้ใช้ระบบผสมแบบคู่ขนานซึ่งแม้จะมีความเป็นสัดส่วนมากกว่าระบบเสียง
ข้างมาก แต่ก็ยังก่อให้เกิดความไม่เป็นสัดส่วนอยู่ในส่วนของระบบ ส.ส. เขต เนื่องจากในระบบ ส.ส.
เขตนั้นใช้ระบบเลือกตั้งแบบเขตเดียวคนเดียวแบบเสียงข้างมาก ผู้ที่ชนะคือผู้สมัครที่ได้คะแนนมาก
ที่สุดจากผู้มาลงคะแนนเสียง แม้จะชนะคู่แข่งเพียงแค่ 1 คะแนนก็ตาม ยิ่งมีจ านวน ส.ส. เขตมากกว่า
ส.ส. บัญชีรายชื่อมากเท่าใดความไม่เป็นสัดส่วนก็จะยิ่งสูงขึ้นมากเท่านั้น ในส่วนของคะแนนบัตรบัญชี
รายชื่อนั้นจะไม่มีปัญหาเรื่องความไม่เป็นสัดส่วน เพราะผู้เลือกตั้งลงคะแนนให้กับพรรคในเขตเลือกตั้ง
ทั้งประเทศ การค านวณก็ดูว่าแต่ละพรรคได้คะแนนทั้งประเทศคิดเป็นสัดส่วนเท่าใดก็ได้ที่นั่งไป
ตามนั้น คะแนนในบัตรบัญชีรายชื่อจึงมีความเป็นสัดส่วน (ทั้งนี้หากไม่มีเพดานขั้นต่ าเลย ความเป็น
สัดส่วนก็จะสมบูรณ์ แต่ถ้าก าหนดเพดานขั้นต่ าสูง ท าให้พรรคเล็กไม่ได้จัดสรรที่นั่ง ระดับความเป็น
สัดส่วนก็ลดลง) ฉะนั้น ความไม่เป็นสัดส่วนในระบบเลือกตั้งนี้จะเกิดขึ้นที่ระบบเขตมากกว่าระบบ
บัญชีรายชื่อ
การเปรียบเทียบที่เป็นระบบเพื่อดูความไม่เป็นสัดส่วน สามารถดูได้จากคะแนนในระบบบัญชี
รายชื่อของแต่ละพรรค เพราะคะแนนส่วนนี้ย่อมสะท้อนถึงความนิยมที่ประชาชนทั้งประเทศมีต่อ
พรรคการเมืองทั้งหลาย หลังจากนั้นพิจารณาดูว่าแต่ละพรรคได้ที่นั่งในสภาทั้งหมดเท่าใด (จากระบบ
เขตและระบบบัญชีรายชื่อรวมกัน) ก็จะได้ค าตอบว่าแต่ละพรรคได้ที่นั่งมากหรือน้อยกว่าสัดส่วน
คะแนนที่พวกเขาได้จากประชาชนทั้งประเทศมากน้อยเพียงใด