Page 43 - b29416_Fulltext
P. 43
41
24
แล้วหันไปเลือก ส.ส. เขตที่มีคุณภาพดีกว่าของพรรคอื่น ระบบเลือกตั้งในรัฐธรรมนูญฉบับปี
พ.ศ. 2560 ท าลายโอกาสที่ประชาชนจะใช้สิทธิแบบมีวิจารณญาณเช่นนี้ลงไปอย่างสิ้นเชิง ผู้มีสิทธิ
เลือกตั้งต้องจ าใจเลือกผู้แทนเขตที่ด้อยคุณภาพเพราะกลัวว่าพรรคที่ตนสนับสนุนจะเสียคะแนน
(เพราะคะแนนผูกกัน) จะยิ่งท าให้ ส.ส .ด้อยคุณภาพสามารถเข้าสู่สภาฯ ได้มากขึ้น สวนทางกับ
เป้าหมายที่ผู้ร่างฯ ต้องการระบบจัดสรรปันส่วนผสมยังท าให้ปัญหาการซื้อเสียงเพิ่มขึ้นและ
การแข่งขันในพื้นที่รุนแรงขึ้น เพราะเดิมพันการแข่งขันแต่ละเขตเลือกตั้งสูงมาก (คะแนนเขตเลือกตั้ง
ก าหนดทุกอย่าง) การหาเสียงเชิงนโยบายจะลดลง การใช้อิทธิพลและเงินจะมากขึ้น (กลับไปเหมือน
ช่วงก่อนปี พ.ศ. 2540) และจะน ามาสู่การสร้างรัฐบาลผสมอันอ่อนแอที่พรรคขนาดกลางมีอ านาจ
ต่อรองสูง การต่อรองผลประโยชน์และต าแหน่งระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลจะเข้มข้นซึ่งเอื้อให้เกิด
คอร์รัปชันสูง เกิดธุรกิจการเมืองในสภาฯ เพื่อ “ซื้อ” ส.ส. และท าให้รัฐบาลขาดประสิทธิภาพ
ในการบริหารประเทศ สวนทางกับค าโฆษณาว่าระบบเลือกตั้งแบบใหม่จะช่วยลดการโกงและสร้าง
การเมืองที่ใสสะอาด
พรรคที่ได้ประโยชน์มากที่สุดจากระบบเลือกตั้งใหม่คือพรรคขนาดกลาง ขณะที่พรรคขนาด
เล็กซึ่งไม่มีทุนมากพอที่จะส่งผู้สมัครในระบบเขตทั้งประเทศก็ยากที่จะได้ที่นั่ง ส่วนพรรคใหญ่นั้นจะ
เสียเปรียบภายใต้ระบบเลือกตั้งนี้ หรืออาจกล่าวได้ว่าระบบเลือกตั้งแบบใหม่ถูกออกแบบมาเพื่อ
“ลงโทษ” พรรคการเมืองขนาดใหญ่ เพราะโดยปรกติ พรรคขนาดใหญ่จะท าคะแนนได้ดีทั้งในระบบ
เขตและระบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งระบบเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ. 2540 และ 2550 ใช้วิธี
ค านวณโดยน าคะแนนทั้ง 2 ระบบมารวมกัน (ไม่ใช่มาหักลบกัน) ยิ่งพรรคท าผลงานได้ดีในทั้ง 2 ระบบ
ก็ยิ่งได้ที่นั่งบวกกันมากขึ้น ในระบบการเลือกตั้งแบบใหม่ พรรคขนาดใหญ่ที่ชนะเขตเลือกตั้งมาก
กลับจะได้ที่นั่งในระบบบัญชีรายชื่อน้อยลง ยิ่งชนะเขตเลือกตั้งแบบเป็นกอบเป็นก าก็ยิ่งมีโอกาสที่จะ
ไม่ได้ผู้แทนในระบบบัญชีรายชื่อเลยแม้แต่ที่นั่งเดียว ส่วนพรรคขนาดกลางนั้นปรกติท าผลงานได้ดี
ในระบบเขต แต่ล้มเหลวในระบบบัญชีรายชื่อ เนื่องจากไม่มีนโยบายและชื่อเสียงของพรรคที่โดดเด่น
มากพอให้ประชาชนเลือก ระบบนี้ซึ่งน าเอาคะแนนจากระบบเขตเป็นตัวตั้งจึงเป็นระบบที่ให้โบนัสกับ
พรรคขนาดกลางที่เน้นหาเสียงและด าเนินกิจกรรมพรรคการเมืองในรูปแบบเก่าหรือแบบเจ้าพ่อ
ผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น ซึ่งอาศัยการสร้างระบบอุปถัมภ์ในชุมชน สร้างฐานเสียงแคบๆ ในจังหวัดที่ผู้น า
พรรคมีอิทธิพลครอบง าอยู่ ด้วยระบบเลือกตั้งใหม่นี้ ท าให้ไม่มีพรรคใดชนะเสียงข้างมาก และส่งผลให้
พรรคขนาดกลางมีอ านาจต่อรองสูงมากในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะหากปราศจากความร่วมมือจาก
พรรคขนาดกลางแล้วก็จะไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้
24 Siripan Nogsuan (2006), Thai Political Parties in the Age of Reform (Bangkok: Institute of Public Policy Studies);
Allen Hicken (2009), Building Party Systems in Developing Democracies (Cambridge, Cambridge University Press).