Page 68 - b29256_Fulltext
P. 68
การสำรวจยุงก้นปล่องในสยาม
ผลจากการที่ยุงถูกเข้าใจว่าเป็นตัวอันตรายทำให้เริ่มมีการศึกษาค้นคว้าในเรื่องยุงและไข้จับสั่นร่วมกับนักวิจัย
ในต่างประเทศเพื่อหาวิธีควบคุมป้องกันให้ได้ผลอย่างที่สุด ซึ่งอย่างที่ได้กล่าวไปในข้างต้นแล้วว่าการป้องกันไม่ให้เกิด
โรคไข้จับสั่นที่น่าจะมีผลดีที่สุดคือการกำจัดยุงก้นปล่องที่เป็นตัวพาหะนำโรค แต่ก่อนที่จะลงมือจัดการจะต้องทราบ
ก่อนว่ายุงชนิดที่นำโรคเกิดที่ไหนบ้าง ถึงจะได้ป้องกันไม่ให้ยุงได้เกิดอีก เพื่อการนั้นจึงมีการทำการสำรวจยุงที่เป็นตัว
พาหะที่ก่อให้เกิดไข้จับสั่นขึ้นในสยาม เนื่องจากถึงแม้ว่าคนทั่วไปจะทราบว่ายุงก้นปล่องเป็นพาหะนำเชื้อไข้จับสั่น แต่
ส่วนใหญ่มักจะไม่รู้ว่ามีแค่ยุงก้นปล่องบางชนิดเท่านั้นที่เป็นพาหะได้ ดังนั้นจึงเริ่มมีการสำรวจยุงก้นปล่องขึ้น
153
เพื่อที่จะสามารถจัดการกับไข้จับสั่นได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
การสำรวจยุงในสยามเริ่มจากนายแพทย์สะแตนตัน ในช่วงปี พ.ศ. 2463 แต่ไม่ได้ทำการสำรวจอย่างจริงจัง
ต่อมา พ.ศ. 2466 นายแพทย์บาร์นสจากมูลนิธิร็อคกีเฟลเลอร์ได้ทำการสำรวจอีก โดยได้เก็บตัวอย่างยุงตามท้องที่ต่างๆ
ในประเทศสยามเป็นเวลานาน และได้พบถึง 18 ชนิด รวมไปถึงนายแพทย์ซินตันซึ่งเป็นผู้อำนวยการการสำรวจไข้จับสั่น
ในอินเดีย ที่มาประชุมเวชชกรรมเมืองร้อนครั้งที่ 8 พ.ศ. 2473 ก็ได้ทำการเก็บตัวอย่างยุงชนิดต่างๆ ตามโรงแรมที่พัก
ขณะที่ไปดูงานที่หัวเมือง เมื่อรถไฟจอดตามสถานีต่างๆ ก็ได้ลงไปจับลูกน้ำทั้งของยุงก้นปล่องและยุงทั่วไป พบถึง 11
ชนิด ซึ่ง 2 ใน 11 ชนิดเป็นชนิดที่แตกต่างจากที่บาร์นเคยพบ
154
โดยการสำรวจยุงอย่างจริงจังเริ่มขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2473 โดยนายแพทย์อานิกสไตนซึ่งเป็นสมาชิกใน
คณะกรรมาธิการไข้จับสั่นของสันนิบาตชาติซึ่งถูกรัฐบาลจ้างมา ได้เข้ามาสำรวจรวมกับแพทย์หลายคนของกรม
สาธารณสุข ซึ่งมีหลวงอายุรกิจโกศล ขุนเฉลิมอติแพทย์ และแพทย์อื่นๆ โดยเข้าสำรวจที่กรุงเทพฯ และบริเวณใกล้เคียง
มณฑลภาคเหนือ และมณฑลภาคใต้ รวมเป็นเวลา 3 เดือน ซึ่งผลของการสำรวจครั้งนี้พบยุงก้นปล่องชนิดต่างๆ รวม
17 ชนิด เมื่อการสำรวจเสร็จสิ้นลงกรมสาธารณสุขก็ได้จัดตั้งหน่วยไข้จับสั่นขึ้นที่เชียงใหม่ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เกิดไข้จับสั่นชุก
ชุม โดยมีหลวงอายุรกิจโกศลเป็นหัวหน้าหน่วยไข้จับสั่น
ในเวลาต่อมาหลวงพยุงเวชชศาสตร์ที่ได้กลับมาหลังจบการศึกษาจากต่างประเทศ ได้พยายามออกไปทำการ
สำรวจไข้จับสั่นในหลายพื้นที่ตามจังหวัดต่างๆ โดยใน พ.ศ. 2477 ก็ได้พบยุงชนิดใหม่อีก 2 ชนิด ต่อมา พ.ศ. 2478 ก็ยัง
พบยุงก้นปล้องที่กรมสาธารณสุขได้สำรวจไว้ก่อนแต่ยังไม่ได้บันทึกไว้อีก 5 ชนิด และที่ขุนเฉลิมอติแพทย์พบอีก 1 ชนิด
และใน พ.ศ. 2479 หลวงพยุงเวชชศาสตร์ก็ได้ลงไปสำรวจที่ปักษ์ใต้ และก็ได้พบยุงก้นปล่องเพิ่มขึ้นอีก 2 ชนิด และ
155
ในช่วงเวลาเดียวกันก็ได้ชำแหละยุง เอ. มินิมัส 33 ตัว และพบสไปโรซอยท์ในต่อมน้ำลาย 3 ตัว พบอูอูซิสท์ที่ผนัง
กระเพาะอาหาร 2 ตัว ซึ่งนับเป็นรายงานสถานการณ์พบเชื้อมาลาเลียในยุงก้นปล่องครั้งแรกในประเทศไทย
153 “การเริ่มศึกษาเรื่องไข้จับสั่น,” แถลงการณ์สาธารณสุข 7, 6 (2474): 651-652.
154 ขุนเฉลิมอติแพทย์, “ไข้มาลาเรียในสยาม,” จดหมายเหตุทางการแพทย์ 16, 5 (2476): 680-684.
155 หลวงพยุงเวชชศาสตร์, “ยุงก้นปล่อง,” จดหมายเหตุทางการแพทย์ 19, 4 (2479): 596-597.
67