Page 69 - b29256_Fulltext
P. 69

ผลจากการที่มีร่วมกันในการศึกษาค้นคว้าเรื่องยุงร่วมกับนักวิจัยชาวต่างชาติทำให้ได้ความรู้เรื่องยุงเพิ่ม มากขึ้น

            รวมไปถึงส่งผลให้เกิดการก่อตั้งหน่วยงานเกี่ยวกับการจัดการไข้จับสั่นขึ้นเป็นแห่งแรกในประเทศขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่

            ซึ่งจะเป็นต้นแบบของหน่วยงานการจัดการไข้จับสั่นในอนาคต

                    หลังจากที่กรมสาธารณสุขได้มีการจัดตั้งหน่วยควบคุมไข้จับสั่นขึ้นใน พ.ศ. 2472 ขึ้นที่เชียงใหม่เป็นแห่งแรกใน
            ประเทศไทย ก็ได้เริ่มปฏิบัติงานในด้านการควบคุมโรคไข้จับสั่นอย่างจริงจัง แต่กระนั้นวิธีในการดำเนินการก็ยังไม่ได้

            แตกต่างกับอดีตที่ผ่านมามากนัก กล่าวคือจะเน้นไปที่การรักษาพลเมืองที่เป็นไข้จับสั่นด้วยตัวยาควินิน พร้อมๆ กับการ

            แนะนำส่งเสริมให้พลเมือรู้จักการป้องกันตัวจากการถูกยุงกัด รวมไปถึงทำการค้นคว้าในเรื่องยุงก้นปล่องและไข้จับสั่น

            ทำการสุขศึกษาและโฆษณา ตลอดจนการทำความร่วมมือกับองค์กรต่างๆ  ในการอบรมพนักงานเจ้าหน้าที่   ซึ่งต่อมา
                                                                                                    156
            ได้เป็นมีการจัดตั้งหน่อยควบคุมไข้จับสั่นอีกหลายแห่งในประเทศไทย และนำเอาแนวทางในการจัดการควบคุมไข้จับสั่น
            ดังกล่าวไปเป็นต้นแบบในการปฏิบัติ



            3.4 ผลผูกพันของการเข้าร่วมองค์การสันนิบาตชาติที่ประเทศไทยต้องดำเนินการด้านสุขภาพมหาชน

                   3.4.1 เรื่องฝิ่น ผลจากสนธิสัญญานำมาสู่นโยบายฝิ่นเป็นยาเสพติดในสยาม
                   นโยบายการสาธารณสุขด้านสังคมมากขึ้นด้วยความตกลงเรื่องฝิ่น กัญชา และสารเสพติด จากความตกลง

            นานาชาติและองค์การระหว่างประเทศ การให้สัตยาบันในที่ประชุมสันนิบาติชาติเรื่องควบคุมกำจัดฝิ่นในปี 2467-2468

                                                                               157
            ทำให้สยามออกพระราชบัญญัติฝิ่น พ.ศ. 2472 และแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2476  การเจรจาให้ฝิ่นเป็นสารเสพติด
            ควบคุมในระดับนานาชาตินำมาสู่การกำหนดสารประเภทอื่นเป็นยาเสพติดด้วย เช่น กัญชา แฮสสิส ยาเข้าฝิ่นทั้งหลาย

            ไทยสงวนการให้สัตยาบันเป็นสารเสพติดในการประชุมนานาชาติเพราะคิดว่าประกาศเพิ่มเป็นสารเสพติดเป็นการ

            ภายในได้ โดยออกกฎเสนาบดีเรื่องกัญชาปี 2468 เป็นการออกกฎหมาย ควบคุมให้เป็นยาเสพติดอย่างค่อยเป็นค่อยไป
            พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ทรงรับรองหนังสือสัญญาว่าด้วยยาเสพติดให้โทษที่ไทยตกลงไว้ในปี

            2468 กัญชากลายเป็นยาเสพติด แต่ยังไม่ออกกฎหมายมาบังคับ จนกระทั่งต่อมาวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2472 กัญชา

            จากยาสมุนไพรในตำรับยาไทยและสินค้าออกหลักแสนบาทสู่อาณานิคมอังกฤษ กลายเป็นสินค้าต้องห้ามปลูกและ

            ครอบครอง ห้ามใช้สูบและเป็นยา กินใส่อาหาร  เพราะอนุวรรตตามหลักการสากลเรื่องสารเสพติด ซึ่งต่อมาใน
                                                     158
            พระราชบัญญัติกัญชา พ.ศ. 2477 ได้บัญญัติให้กัญชากลายเป็นสิ่งผิดกฎหมายตามความตกลงนานาชาติ
                                                                                                159


                   156  กองมาลาเรีย, จุลสารมาลาเรีย (กรุงเทพมหานครฯ: อักษรพัฒนา. 2524), หน้า 4-5.
                   157  สุภาภรณ์ จรัลพัฒน์.  ภาษีฝิ่นกับนโยบายด้านการคลังของรัฐบาลไทย พ.ศ. 2367 – 2468, (วิทยานิพนธ์อักษรศาสตร
            บัณฑิต สาขาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2523), หน้า 84-90.

                   158  หจช., ม-สบ. 2/28 สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เอกสารส่วนพระองค์ เรื่อง สำเนา หนังสือกระทรวงต่างประเทศ
            เรื่อง ขอพระราชทานสัตยาบันสัญญาว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ (9-20 ธันวาคม 2472).
                   159  หจช., (4) กค 2.3.3.5/1 กรมศุลกากร เอกสารกระทรวงการคลัง เรื่อง การประชุมกรรมาธิการ พิจารณาร่าง

            พระราชบัญญัติกัญชา พุทธศักราช 2477 (15 สิงหาคม 2475-27 มีนาคม 2477), หน้า 22.
                                                            68
   64   65   66   67   68   69   70   71   72   73   74