Page 65 - b29256_Fulltext
P. 65
ประเทศต้องเป็นที่น้ำขังนิ่งๆ หรือหากจะไหลขึ้นลงได้ก็ไหลขึ้นลงอย่างอ่อนๆ ที่สุดจะเป็นสระ หนอง คลอง บึง อะไรก็
ตาม และต้องมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดเป็นเรื่องกำบังลมด้วยเช่นเป็นสระ บ่อ หนอง หรือแอ่งน้ำ ที่มีหญ้าขึ้นรกเป็นเครื่องกำบังตัว
หรือจะเป็นพวกน้ำขังที่อยู่ตามที่ต่างๆ ที่นี้เหล่านี้ล้วนเหมาะสำหรับให้ยุงวางไข่
ดังนั้นในการป้องกันคือให้ทำลายแหล่งเพาะยุงเหล่านี้ให้สิ้นเช่น หมั่นถางหญ้าบริเวณริมสระ หรือไม่ก็ถม หรือ
อีกวิธีก็ใช้น้ำมันก๊าดเทลงในแหล่งน้ำนั้น นอกจากนั้นยังมีการใช้มุ้งในการป้องกันไม่ให้ยุงเข้ามากัด รวมไปถึงการกินยา
ควินินป้องกันไว้เสมอ ในส่วนของการรักษาผู้ป่วย ก็ให้รักษาตามอาการโดยให้ยาควินิน ตามความร้ายแรงของโรค ไม่
147
เพียงแต่ในจังหวัดเชียงใหม่ ในจังหวัดอื่นๆ ก็มีการจัดปาฐกถาในเรื่องไข้จับสั่นด้วยเช่นกัน จะเห็นได้ว่าหลังมีการเริ่ม
แพร่ระบาดอย่างรุนแรงของโรคไข้จับสั่นในช่วงทศวรรษ 2460 ขึ้นมา ก็เริ่มมีการกระจายความรู้ในเรื่องการป้องกันตัว
จากโรคไข้จับสั่นให้แพร่ขยายไปสู่ประชากรทั่วไปในประเทศ
ราวต้นทศวรรษ 2470 เห็นได้ชัดเจนจากหลักฐานจำนานมากว่า ความรู้เรื่องโรคจับสั่นที่เกิดจากยุงก้นปล่อง
และมีการสังเกตอาการที่ต่างกันของเชื้อโรคแต่ละชนิดของมาลาเรียนั้น รวมทั้งวิธีป้องกันที่ต้องกำจัดป้องกันยุงและการ
รักษาโรคด้วยยาควินิน เริ่มมีการเผยแพร่ความรู้ไปยังท้องถิ่นต่างๆ ทั่วประเทศเพื่อให้ชาวบ้านสามารถรับรู้และหาทาง
ป้องกันรักษาตัวเองจากโรคนี้ได้ด้วยตนเอง โดยเฉพาะในพื้นที่เกิดโรคระบาดนี้ชุกชุม ถึงห้วงเวลานี้ชาวสยามมีความรู้
เรื่องไข้มาลาเรียเปลี่ยนแปลงไปเป็นความรู้แบบการแพทย์ตะวันตกสมัยใหม่ที่ค้นพบในสองทศวรรษก่อนหน้านี้กันอย่าง
แพร่หลายแล้ว ขาดก็แต่การมีนโยบายรัฐอย่างชัดเจนเกี่ยวกับโรคนี้
ผลจากการที่มีการส่งระเบียบการควบคุมทำให้เกิดโครงการควบคุมไข้จับสั่นขึ้นหลายจังหวัดในประเทศ เช่น
โครงการควบคุมไข้จับสั่น ของจังหวัดนครราชสีมา (จากรายงานของสาธารณสุขมณฑลที่ 5/116 ลงวันที่ 18 กรกฎาคม
พ.ศ. 2473) โดยผลจากกระทรวงมหาดไทยได้สั่งให้วางระเบียบการควบคุมไข้จับสั่นให้เจ้าหน้าที่จังหวัดต่างๆ ถือเป็น
หลักปฏิบัติ สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมาได้เรียบเรียงโครงการควบคุมไข้จับสั่น และจัดตั้งสาขาจำหน่ายยาตำรา
หลวงแก้ไข้ตามแต่ละท้องที่เพื่อให้เหมาะแก่ภูมิประเทศ โดยเนื้อหาในโครงการกล่าวไว้ดังนี้
ผู้ตรวจการสุขาภิบาลในการควบคุมไข้จับสั่นมีหน้าที่ดังนี้
1) การเผยแพร่ความรู้โดยทางสุขศึกษา ในทุกๆ ครั้งที่ได้ออกไปวิชาสุขศึกษาได้ตามที่ต่างๆ เช่นกับคนทั่วไปใน
ชุมชนท้องถิ่น และนักเรียนตามโรงเรียนต่างๆ และในเทศกาลตามท้องที่ก็ให้แสดงปาฐกถาเรื่องไข้จับสั่น ตลอดจน
วิธีการป้องกันและบำบัด โดยเอกสารที่ใช้เพื่อประกอบปาฐกถาให้แจกเอกสารสาธารณสุขอันเกี่ยวกับเรื่องไข้จับสั่น เช่น
อันดับที่ 24 ยุงร้ายกว่าเสือ อันดับที่ 46 เรื่องไข้จับสั่น ให้แก่บุคคลที่อ่านหนังสือได้ และถ้าเป็นไปได้ก็ให้โชว์รูป
ยุงก้นปล่องที่เป็นพาหะนำโรคไข้จับสั่นมาสู่มนุษย์ให้เป็นที่รู้จักไว้ อีกเรื่องคือให้ชี้แจงสรรพคุณยาตำราหลวงแก้ไข้
ตลอดจนวิธีใช้ในชุมชน ควรปิดภาพโฆษณาแสดงคุณของยาตำราหลวงแก้ไข้ตามที่ต่างๆ
148
147 “ปาฐกถาเรื่องไข้จับสั่นโดยสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่,” แถลงการณ์สาธารณสุข 6, 12 (2473): 1339-1353.
148 “โครงการควบคุมไข้จับสั่นของจังหวัดนครราชสีมา,” แถลงการณ์สาธารณสุข 6, 11 (2473): 1207-1208.
64