Page 64 - b29256_Fulltext
P. 64
ด้วยเหตุนี้ ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานกราบบังคมลาขึ้นไปทำการตรวจและทดลองโรคต่างๆ ที่โรง
พยาบาบแมคคอร์มิค เมืองเชียงใหม่ เป็นเวลาประมาณ 6 เดือน คิดด้วยเกล้าฯ ว่า ความชำนาญคุ้นเคยกับโรค
ในเขตต์แขวงต่างๆ ของแผ่นดินสยาม จะเป็นประโยชน์แก่รัฐบาลทางอ้อม
146
นอกจากนั้นยังมีการกล่าวถึงลักษณะของโรคดังนี้ โดยไข้จับสั่นเป็นโรคของประเทศร้อน หรือกึ่งร้อนกึ่งหนาว
การที่เชื้อไข้จับสั่นจะเข้าสู่ในร่างกายของเราได้ก็โดยทางยุงกัด และยุงนั้นต้องเป็นยุงกันปล่อง จึงพาเชื้อไข้จับสั่นไปสู่
มนุษย์ได้ ยุงชนิดอื่นไม่สามารถเป็นพาหะได้ โดยเมื่อยุงก้นไปกัดที่ผู้ป่วยก็จะดูดเลือดที่มีเชื้อมา เมื่อไปกัดผู้อื่นก็จะพา
โรคไปสู่ผู้อื่นด้วย เมื่อเชื้อเข้าไปแล้วก็จะเข้าไปอาศัยอยู่ในเม็ดเลือดแดง แล้วก็เริ่มต้นแบ่งตัวกระจายทันที การกระจาย
ทวีจำนวนของเชื้อโรคในเม็ดเลือดแดงนี้ ได้เป็นไปโดยวิธีที่ไม่ต้องอาศัยการผสมต่างเพศ คือตัวเชื้อหนึ่งตัวแบ่งตัวของมัน
เองออกเป็นส่วนเล็กๆ ทวีจำนวนมากขึ้น แล้วทำให้เม็ดเลือดที่มันเข้าไปอาศัยอยู่แตกออก และตัวอ่อนเหล่านั้นต่างก็
เข้าอาศัยในเม็ดเลือดแดงเม็ดอื่นๆ ที่ยังดีอยู่ และทำการทำลายดังกล่าวต่อไปในเวลาที่เม็ดเลือดของเราต้องแตกออก
เพราะตัวเชื้อไข้จับสั่นครั้งหนึ่งๆ นั้น เป็นเวลาที่เรารู้สึกว่าไข้จับ คือมีอาการหนาวสั่นหรือตัวร้อน ระยะเวลาตั้งแต่ตัว
เชื้อไขจับสั่นเข้าสู่เม็ดเลือดแดง จนถึงกระทำให้เม็ดโลหิตแดงแตกทำลาย คือเวลาทำให้เรารู้สึกว่าจับไข้นั้น ย่อมต่างกัน
ตามชนิดของเชื้อไข้ บางชนิดก็มีระยะ 48 ชั่วโมง ครั้งหนึ่ง 24 ถึง 48 ชั่วโมง หรือ 72 ชั่วโมง ครั้งหนึ่งก็มี ตามชนิดของ
เชื้อไข้นั้น
ดังนี้เราจึงเห็นว่าผู้ป่วยมีเวลาจับไข้ต่างๆ กัน บางครั้งก็จับวันเว้นวัน หรือจับวันเว้น สองวัน หรือจับเป็นเวลา
ทุกวันก็เพาะเป็นเวลาแตกของเม็ดเลือดแดง บางครั้งเชื้ออาจจะเข้าพร้อมกันหลายชนิดก็ได้ ดังนั้นการแตกทำลายของ
เม็ดเลือดแดงจึงเป็นเวลาซ้อนหรือติดๆ กันจึงทำให้ผู้ป่วยเป็นตลอดวัน การแตกทำลายของเม็ดเลือดแดงโดยการกระทำ
ของเชื้อไข้จับนี้ เมื่อจำนวนเชื้อมีในเลือดมากเม็ดเลือดย่อมต้องถูกทำลายลงด้วยตามส่วน ด้วยเหตุนี้ผู้ป่วยด้วยไข้จับ
หลายๆ วันจึงมีผิวหนังและริมผีปากกับเยื่อตาขาวซีดแสดงว่าจำนวนเม็ดเลือดแดงได้ถูกทำลายจนเหลือน้อยลง แล้ว
ต่อไปร่างกายก็จะอ่อนเปลี้ยเพลียแรงกลายเป็นคนทุพลภาพตาม เพราะร่างกายจะคงมีสุขภาพดีอยู่เสมอได้ก็เพราะเม็ด
เลือดแดงสมบูรณ์อยู่ นอกจากเม็ดเลือดแดงจะถูกทำลายโดยวิธีดังกล่าว ยังมีอวัยวะอื่นต้องถูกทำลายด้วยเช่นม้าม และ
ไขมันในกระดูก เป็นต้น
โดยการป้องกัน อาศัยหลัก 2 ข้อ คือ 1) ทำลายยุง ทำลายที่อาศัยของยุงตลอดจนป้องกันไม่ให้กัดผู้ป่วย 2)
ผู้ป่วยที่เป็นไขจับสั่นต้องรักษาให้แน่ว่าไข้นั้นหมดไปจากเลือดหรือก็คือหายขาดแล้ว โดยการทำลายยุง ทำลายที่ออกไข่
ของยุงก้นปล่อง และทำลายตัวลูกน้ำ โดยสังเกตจากลักษณะคือ มันจะเกาะอยู่ตามพื้นหรือผาผนังโดยหัวมันจะต่ำลง
และทางก้นยกสูงขึ้น เป็นมุมราว 15 องศา ส่วนยุงคูเล็กซ์จะเกาะขนานกับพื้น ตัวลูกน้ำของยุงก้นปล่องเวลาขึ้นมา
หายใจบนน้ำจะลอยอยู่เป็นเส้นตรงขนานกับผิวน้ำ ผิดกับลูกน้ำของยุงชนิดอื่นๆ ซึ่งมักเกาะห้อยหัวต่ำกว่าระดับน้ำ ภูมิ
146 สจช., ม. 7/4 (ม-ร.7ม/10) สมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนสงขลา เสด็จตรวจและทดลองโรคต่างๆ จังหวัดเชียงใหม่ (14-16 มี.ค.
2471).
63