Page 70 - b29256_Fulltext
P. 70

นโยบายต่อต้านการสูบฝิ่นในต่างประเทศได้เริ่มปรากฏมาตั้งแต่ปลายรัชกาลที่ 5 แล้วอย่างไม่เป็นทางการ

            กล่าวคือใน พ.ศ.2452 รัฐบาลไทยได้รับจดหมายจากประธานสันนิบาตต่อต้านฝิ่นของประเทศจีน แต่รัฐบาลมิได้ให้

            ความสนใจในเรื่องนี้มากนัก ต่อมาประเทศจีนได้ออกประกาศเลิกปลูกฝิ่นภายในประเทศจีน อีกทั้งนโยบายเลิกสูบฝิ่นใน

            ประเทศจีนอีกด้วย รัฐบาลจีนได้ขอร้องให้รัฐบาลอินเดียซึ่งเป็นผู้ส่งฝิ่นเป็นสินค้าออกรายใหญ่ ขณะนั้นลดจำนวนฝิ่นที่
            ส่งไปขายในประเทศจีนลง ซึ่งรัฐบาลอินเดียก็ปฏิบัติตาม กล่าวคือรัฐบาลอินเดีย (ซึ่งต่อมาได้เป็นสมาชิกผู้หนึ่งซึ่งลงนาม

            ในสนธิสัญญา ณ กรุงเฮก) ลดจำนวนฝิ่นที่ออกจำหน่ายลง กล่าวคือ ตั้งแต่ พ.ศ. 2453-2456 จะขายลดลงเป็นลำดับ

            ดังนี้ คือ 39,600 หีบ, 31,440 หีบ, 26,520 หีบ และ 21,540 หีบ เมื่อรัฐบาลอินเดียประกาศลดการขายฝิ่นลง ย่อม

            ส่งผลต่อรัฐบาลไทยซึ่งเป็นลูกค้ารายหนึ่งไปด้วย ทั้งนี้ขณะที่รัฐบาลอินเดียลดปริมาณการขายฝิ่นลงนั้น กลับขึ้นราคาฝิ่น

                           160
            ดิบเกือบ 2 เท่าตัว  รัฐบาลตระหนักดีว่า การจะแก้ปัญหานี้รัฐบาลต้องคำนึงถึงสถานการณ์ในอนาคตด้วย เพราะท่าที
            ที่รัฐบาลอินเดียดำเนินอยู่ในขณะนั้นเท่ากับว่า รัฐบาลอินเดียอาจจะเลิกการขายฝิ่นไปในอนาคตก็เป็นได้ ทำให้รัฐบาล

                                                                                    161
            ไทยต้องเตรียมโครงการเลิกฝิ่น หรือหาแหล่งซื้อฝิ่นในอนาคตในขณะที่ยังเลิกไม่ได้ไปด้วย

                    จากกระแสโลกเรื่องการให้ความสำคัญกับภัยของฝิ่นกับสุขภาพมากขึ้นเมื่อคราวปี พ.ศ. 2462 ได้มีการจัดตั้ง

            สันนิบาติชาติที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ สยามได้เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ด้วย มีการพูดถึงเรื่องยาเสพติด ซึ่ง

            ฝิ่นก็นับว่าเป็นยาเสพติดด้วยเช่นกัน แต่ด้วยข้อตกลงหลายชาติๆ มีการปราบปรามยาเสพติด ทำให้ต้องยอมทำตาม

            ข้อตกลงเพื่อที่จะได้อยู่ต่อในประเทศสมาชิกของสันนิบาติชาติ หลังจากการกลับมาจากการประชุมที่เจนีวาแล้ว ทำให้
            รัฐบาลไทยต้องวางโครงการเลิกภาษีฝิ่นเป็นขั้นเป็นตอนขึ้น


                   โดยในปลายปี 2463 รัฐบาลได้ออกพระราชบัญญัติฝิ่นขึ้นและให้บังคับใช้ตั้งแต่ วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2464

            เป็นต้นไปดังในคำปรารภที่ว่า




                   มีพระราชโองการโดยพระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธว่า กรุงสยามได้ร่วมทำสนธิสัญญา
                   นานาประเทศ ว่าด้วยเรื่องฝิ่น ณ กรุงเฮก กำหนดไว้วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ.2457 และได้รับการยืนยันสัญญา ที่

                   เมืองแวร์ไซส์วันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2462 โดยมีจุดประสงค์ สูงสุดคือการกำจัดฝิ่นและยาเสพติดอื่นๆ ให้หมด
                   ไปเป็นลำดับ บัดนี้มีพระบรมราชประสงค์ที่จะปฏิบัติให้การเปนไปตามความที่ตกลงในหนังสือสัญญาระหว่าง

                   นานาประเทศนั้น โดยเต็มตามพระบรมเดชานุภาพที่จะทำได้ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตรา

                   พระราชบัญญัติไว้ดังต่อไปนี้
                                          162


                   160  หจช., ร.5 ค. 14 1ก/48 พระเจ้าลูกยาเธอกรมพระจันทบุรีนฤนาถกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ (25

            มีนาคม ร.ศ. 128).
                   161  สุภาภรณ์ จรัลพัฒน์, “ภาษีฝิ่นกับนโยบายด้านการคลังของรัฐบาลไทย พ.ศ. 2367-2468,” (วิทยานิพนธ์อักษรศาสตร
            บัณฑิต สาขาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2523),  หน้า 184-184.

                   162  “พระราชบัญญัติฝิ่น พระพุทธศักราช 2464,” ราชกิจจานุเบกษา  37, (9 มกราคม 2463): 352-353.
                                                            69
   65   66   67   68   69   70   71   72   73   74   75