Page 23 - kpi23788
P. 23

Conflict Mapping Thailand phase 5
                                                                                                              13



                             5.2 เหตุการณ์ความขัดแย้ง
                                     1) เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คือ ภาคีความขัดแย้งใดบรรลุวัตถุประสงค์ของตัวเอง เช่น อาจมีการใช้

                  ก าลังเพื่อชนะในมุมมองการเมืองที่แท้จริง หรือใช้ปฏิบัติการไม่ใช้ความรุนแรง อีกตัวอย่างหนึ่งคือ การท าลายด้วย
                  การแข่งขันในมุมการเมืองที่แท้จริง หรือชิงไหวชิงพริบด้วยการแข่งขัน การหลีกหนีในการเมืองที่แท้จริง และชักชวน
                  ให้เข้ามาสู่การแข่งขัน การประณีประนอม และการน าไปสู่ความร่วมมือ
                                    2) การเปลี่ยนแปลงปัญหา เกิดขึ้นเมื่อภาคีตอบสนองต่อความขัดแย้ง ในสถานการณ์นั้น ๆ
                  เป็นรูปแบบของการกระท าและปฏิกิริยาในขณะที่ความขัดแย้งยังเป็นพลวัตร

                                     3) การสร้างแรงกระเพื่อมความขัดแย้ง (Polarization) คือ ความพยายามเปลี่ยนแปล
                  สถานภาพความขัดแย้งและน าไปสู่การท านายผลของกระท านั้นจากคู่ความขัดแย้ง 1 หรือ 2 ภาคี การเปลี่ยนแปลง
                  อาจเกิดขึ้นในรูปแบบการสร้างความเสียหายทั้งรูปธรรม (ทรัพย์สิน) หรือนามธรรม (จิตใจ)

                             5.3 กระบวนการกระท าและปฏิกิริยา ประเด็นความขัดแย้งอาจมีการเปลี่ยนแปลงระหว่างกระบวนการ
                  เกิดความขัดแย้ง ระหว่างการปฏิสัมพันธ์ระหว่างภาคีต่าง ๆ อาจสร้างความขัดแย้งใหม่อาจเกิดขึ้นแบบเดียวหรือมี
                  หลายแบบ เพราะความขัดแย้งท าให้มีการเปลี่ยนรูปแบบ ไปสู่การต่อรอง หรือการประเมินใหม่ และอาจสร้างแรง
                  กระเพื่อมของความขัดแย้งแบบใหม่ ให้เกิดขึ้นระหว่างคู่ความขัดแย้งหลัก และคู่ความขัดแย้งรอง ใน 3 รูปแบบ

                  ผู้เกรียวกราด-ผู้ปกป้อง เกลียวความขัดแย้ง และการบรรลุค าท านายด้วยตนเอง
                                     1) ผู้เกรียวกราด-ผู้ปกป้อง ถือว่าเป็นประเด็นส าคัญของความขัดแย้ง และเป็นผลของการ
                  กระท าจากทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่เกิดขึ้นเพราะต้องการปกป้องตนเองเท่านั้น แต่ยังมีการโต้ตอบกลับด้วยปฏิกิริยาที่รุนแรง
                                     2) เกลียวความขัดแย้ง เกิดขึ้นผ่านการกระท าและปฏิกิริยา ผ่านภาพเหมารวม จนเสมือนหนึ่ง

                  ว่าความรุนแรงเกิดจากการเลียนแบบพฤติกรรมจากกันและกัน ตัวอย่างเช่น คู่ความขัดแย้งอาจจะมองตัวเองว่าเป็น
                  คนดี มีคุณธรรม ในขณะที่มองศัตรูเป็นพวกไร้ศีลธรรมและหลอกลวง
                                     3) การบรรลุผลสัมฤทธิ์ด้วยตัวเอง อาจเป็นผลผลิตจากกระบวนการกระท าและปฏิกิริยา
                  ผู้เกรียวกราด-ผู้ปกป้อง และเกลียวความขัดแย้ง การผสมผสานจากความอึดอัดคับข้องใจน าไปสู่การบรรลุผลสัมฤทธิ์

                  ด้วยตัวเอง ดังนั้นผู้เจรจาไกล่เกลี่ยความขัดแย้งจะต้องตระหนักให้มั่นถึงการเกิดขึ้นของกระบวนการเหล่านี้
                             6. การแทรกแซงความขัดแย้ง จากที่กล่าวมาทั้งหมดข้างต้นผู้เจรจาไกล่เกลี่ยความขัดแย้งจะต้อง
                  ทราบก่อนลงมือปฏิบัติการ
                             6.1 การวิเคราะห์ความขัดแย้งจึงเป็นสิ่งแรกที่ผู้ศึกษาควรตระหนักโดยดูจากองค์ประกอบ ทั้ง 5 แบบ

                  ดังที่ได้กล่าวไว้แล้ว การสร้างแผนที่ความขัดแย้งจึงเป็นสิ่งแรกที่ควรต้องปฏิบัติ โดยใช้ข้อมูลจากภาคีคู่ความขัดแย้ง
                  ทั้งหมด และบริบทที่ปรากฎอยู่บนคู่ความขัดแย้ง
                             6.2 การตัดสินใจเพื่อเตรียมการ
                                    1) ความต่อเนื่อง เพื่อเข้าใจถึงพลวัตรของความขัดแย้ง จาก 3 โมเดล คือ 1) ประวัติศาสตร์ที่

                  เกิดขึ้นกับคู่ขัดแย้ง 2) การวิเคราะห์ระดับของความขัดแย้ง และ 3) ระดับความขัดแย้งของ Dugan
                                    2) ระดับ ของความขัดแย้งจะต้องอยู่ในฐานการวิเคราะห์
                                    3) Dugan’s Levels

                                    4) การติดตาม ต้องเลือกวิธีในการติดตามเพื่อคลี่คลายความขัดแย้ง




                                                                -13-
   18   19   20   21   22   23   24   25   26   27   28