Page 99 - 23464_Full text

98

และอุดมการณ์ หากเราเอาชุดนโยบายของแต่ละพรรคมาเทียบกัน จะเห็นความแตกต่างหลากหลาย
อย่างสูงไม่ว่าจะเป็นนโยบายเศรษฐกิจ การเมือง การศึกษา แรงงาน การพัฒนาคุณภาพชีวิต และเรื่อง

ความมั่นคง นับว่าเป็นการเลือกตั้งที่มีการน าเสนอขุดนโยบายที่หลากหลายมากที่สุดครั้งหนึ่ง
ในประวัติศาสตร์การเลือกตั้งของไทย เช่น ในด้านเศรษฐกิจ มีตั้งแต่แนวนโยบายแบบเสรีนิยมใหม่
ทุนนิยมโดยรัฐ แนวรัฐสวัสดิการ แนวประชานิยม และการผสมผสานลัทธิเศรษฐกิจหลายแบบ
เข้าด้วยกัน ในด้านความมั่นคงก็มีหลายพรรคที่น าเสนอนโยบายการปฏิรูปกองทัพและการยกเลิก

เกณฑ์ทหาร บางพรรคเสนอเรื่องการยกเลิกกองอ านวยการรักษาความมั่นคงภายใน บางพรรคเสนอ
ให้เน้นเรื่องความมั่นคงของมนุษย์ (human security) มากกว่าความมั่นคงของรัฐ ในขณะที่บางพรรค
เสนอแนวทางตรงกันข้าม คือ เพิ่มความเข้มแข็ง บทบาทและและขนาดของกองทัพ เน้นความมั่นคง
ทางการทหาร และใช้กลไกทางทหารในการจัดการปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ความขัดแย้ง หรือ

แม้กระทั่งนโยบายด้านต่างประเทศซึ่งไม่เคยมีความส าคัญในการแข่งขันหาเสียงในไทย ก็ถูกชูขึ้นมา
จากพรรคการเมืองต่างๆ ถึงแนวทางในการสร้างความสัมพันธ์ทางการทูตและการวางบทบาทของไทย
101
ในเวทีโลกและสงครามภูมิรัฐศาสตร์หลากหลายแนวทางด้วยกัน
ในมิติอุดมการณ์นั้น ยิ่งเห็นชัดว่าการเมืองไทยไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป การถกเถียงเชิง

อุดมการณ์นั้นเข้มข้นยิ่งกว่าในยุค 2540-2562 สื่อมวลชนและผู้เลือกตั้งเองจ าแนกพรรคการเมือง
ออกเป็นหลายเฉดอุดมการณ์มิใช่แค่ขั้วฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน แต่มีตั้งแต่พรรคการเมืองแนวอนุรักษ์
นิยมสุดโต่งหรือขวาจัด อนุรักษ์นิยมสายกลาง ชาตินิยม ราชาชาตินิยม ไปจนถึงซ้ายกลางๆ เสรีนิยม
ประชาธิปไตย และหัวก้าวหน้าสุดโต่ง ประเด็นเรื่องชาตินิยม การนิยมความเป็นชาติและปักป้ายว่า
ใคร “รักชาติ” หรือ “ชังชาติ” ก็กลายเป็นประเด็นถกเถียงในการหาเสียงอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน

ยิ่งไปกว่านั้น ประเด็นที่ไม่เคยเป็นวาระในการอภิปรายและถกเถียงทางนโยบายในสนามหาเสียง
เลือกตั้งมาก่อนในสังคมไทย อย่างประเด็นกฎหมายอาญามาตรา 112 ก็กลายเป็นหัวข้อที่ถูกหยิบยก
มาถามในทุกเวทีอภิปรายระหว่างตัวแทนพรรคการเมืองในสื่อมวลชนทุกส านักทั้งสื่อกระแสหลักที่มี

คนดูกว้างขวางอย่างสื่อโทรทัศน์ และสื่อออนไลน์
102
ธรรมชาติของระบบพรรคการเมืองแบบหลายพรรคที่มีเฉดของนโยบายและอุดมการณ์

อันหลากหลายนี้ ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการแข่งขันกันอย่างดุเดือดระหว่างพรรคการเมืองทั้งที่มี
เฉดอุดมการณ์ต่างขั้วและอยู่ในขั้วเดียวกัน เพราะในระบบการเมืองแบบ “หลายพรรคและแตกต่าง”
ทุกพรรคย่อมเป็นคู่แข่งของกันและกันในการช่วงชิงคะแนนเสียง คนไทยอาจจะไม่คุ้นเคยกับภูมิทัศน์

ใหม่เช่นนี้ แต่หากดูจากแนวโน้มในการเลือกตั้งตั้งแต่ปี 2562 ต่อเนื่องมาถึงการเลือกตั้ง 2566
สังคมไทยจะไม่ย้อนกลับไปสู่ระบบ 2 พรรคใหญ่หรือระบบหลายพรรคที่ทุกพรรคไม่มีความต่างทาง
อุดมการณ์ดังเช่นในอดีต ข้อดีของภูมิทัศน์ใหม่นี้คือ ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีทางเลือกมากขึ้น

101 “เลือกตั้ง 2566 : สรุปนโยบายหาเสียง 9 พรรคหลัก ก่อนเลือกตั้ง 14 พ.ค.,” บีบีซีไทย, 18 เม.ย. 2566,
https://www.bbc.com/thai/thailand-65307789; และดูฐานข้อมุลนโยบายของพรรคการเมืองต่างๆ โดยละเอียดใน
“เลือกตั้ง 2566: ข้อมูลพรรคการเมือง แคนดิเดต นโยบาย,” the Standard, https://thestandard.co/election2566-
party/; “6 พรรคเปิดนโยบายต่างประเทศ ถกประเด็นเมียนมา-จุดยืนไทย,” the Reporters, 9 พ.ค. 2566,
https://www.thereporters.co/tw-politics/0905231345/.
102 “ไทยรัฐดีเบตเลือกตั้ง 66: เช็กจุดยืน 10 พรรคการเมืองต่อมาตรา 112,” ประชาไท, 19 เม.ย. 2566
https://prachatai.com/journal/2023/04/103722; “ช่องสาม จัดดีเบต “ตัวเต็ง” ประชันนโยบาย ชูประเด็นร้อน
ทางสังคม,” 3PlusNEWS, 3 เม.ย. 2566, https://ch3plus.com/news/political/pleainmai-paitor/341893.