Page 104 - 23464_Full text
P. 104

103



                   จากนักการเมืองในกลุ่มแรกที่ต้องพึ่งพิงพรรคมากกว่า) ยุทธศาสตร์ในการหาเสียงของพวกเขาจึงเน้น
                   การเก็บคะแนนเสียงให้ตนเองในระบบเขตมากกว่ารณรงค์ให้พรรคในระบบบัญชีรายชื่อ หลายคน

                   ถึงกับบอกประชาชนผู้มีสิทธิลงคะแนนว่าบัตรบัญชีรายชื่อจะเลือกกาพรรคใดก็ได้ ขอให้กาบัตรใน
                   ระบบเขตให้ตนเองก็พอ เพราะพวกเขาตระหนักดีว่าประชาชนในเขตเลือกตั้งไม่ได้นิยมพรรคที่พวก
                   เขาสังกัด แต่ยังพอใจกับตัวบุคคลอยู่เพราะความรู้จักมักคุ้น ผลงานในพื้นที่ และการช่วยเหลือ
                   ประชาชนอย่างต่อเนื่อง บางคนถึงขั้นไม่ใส่เสื้อพรรคในการหาเสียง ไม่ติดโลโก้พรรคในป้ายหาเสียง

                   และในโค้งสุดท้ายก็หาเสียงโดยบอกให้ประชาชนจ าเบอร์ของผู้สมัครอย่างเดียว ไม่ต้องจ าเบอร์
                        108
                   พรรค  ยุทธศาสตร์การหาเสียงเช่นนี้จึงน าไปสู่การลงคะแนนแบบแบ่งคะแนนในระดับสูงที่ปรากฏ
                   อย่างประจักษ์ชัดในการเลือกตั้ง 2566 โดยที่พรรคภูมิใจไทย พลังประชารัฐ ชาติไทยพัฒนา และ
                   ประชาธิปัตย์ ไม่ชนะคะแนนบัญชีรายชื่อในจังหวัดใดเลย แม้แต่จังหวัดที่เป็นฐานที่มั่นอันเข้มแข็งของ

                   พรรคที่พรรคสามารถกวาดที่นั่งส.ส. เขตได้ทั้งจังหวัด เช่น บุรีรัมย์ (ภูมิใจไทย) สุพรรณบุรี (ชาติไทย
                   พัฒนา) แต่กลับได้คะแนนบัญชีรายชื่อในระดับที่ต่ ากว่าคะแนนเขตมาก ในจังหวัดบุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย
                   ชนะ ส.ส. เขต ทั้ง 10 ที่นั่ง ได้คะแนนในระบบเขตทั้งสิ้น 389,929 คะแนน แต่กลับได้คะแนนบัญชี
                   รายชื่อเพียง 165,026 คะแนน มาเป็นอันดับ 3 ตามหลังทั้งก้าวไกลและเพื่อไทย (ตามล าดับ)

                   ส่วนจังหวัดสุพรรณบุรีซึ่งเป็นเมืองหลวงของตระกูลศิลปอาชา พรรคชาติไทยพัฒนา สามารถชนะส.ส.
                   เขตยกจังหวัดทั้ง 5 ที่นั่งเช่นกัน แต่กลับได้คะแนนบัญชีรายชื่อมาเป็นอันดับ 3 ตามหลังก้าวไกลและ
                                     109
                   เพื่อไทย (ตามล าดับ)
                          พรรคการเมืองที่น่าสนใจในกลุ่มนี้ที่สองนี้คือ พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเคยเป็นพรรคขนาดใหญ่
                   และพรรคเก่าแก่ของระบบพรรคการเมืองไทย ในช่วงตั้งแต่ปี 2544 เป็นต้นมาก็ด ารงฐานะเป็นพรรค

                   ใหญ่ที่สุดอันดับที่ 2 ของประเทศ เป็นตัวแทนของกลุ่มพลังทางการเมืองแนวประเพณีนิยมและ
                   อนุรักษ์นิยม มีคะแนนนิยมพรรคในระดับสูง ได้คะแนนในระบบบัญชีรายชื่อระหว่าง 7 ล้านถึง 12
                   ล้านคะแนนมาอย่างต่อเนื่องมากกว่าหนึ่งทศวรรษ (ดูตารางที่ 17) ทว่าตั้งแต่การเลือกตั้งปี 2562

                   พรรคประชาธิปัตย์เริ่มมีขนาดพรรคที่เล็กลงจากพรรคขนาดใหญ่กลายเป็นพรรคขนาดกลาง และผล
                   การเลือกตั้งปี 2562 ยิ่งเห็นแนวโน้มการลดขนาดของพรรคประชาธิปัตย์จากพรรคใหญ่กลายเป็น
                   พรรคขนาดกลางค่อนไปทางเล็กอย่างชัดเจน เมื่อพรรคท าผลงานรั้งอันดับที่ 6 และได้ที่นั่งเพียง 25 ที่นั่ง
                   โดยได้คะแนนบัญชีรายชื่อเพียง 925,349  คะแนน (คิดเป็นร้อยละ 2.47) น้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของ

                   พรรคตั้งแต่มีการใช้ระบบเลือกตั้งที่มีบัตรบัญชีรายชื่อเป็นต้นมา (ดูตารางที่ 17) ท าให้ได้ ส.ส. บัญชี
                   รายชื่อเพียง 3 คน โดยส.ส. ส่วนใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ที่ชนะเลือกตั้งมาในครั้งนี้เป็น ส.ส. ในพื้นที่ที่
                   มีฐานเสียงและเครือข่ายอุปถัมภ์ส่วนตัวเข้มแข็งเป็นของตนเอง ท าให้พรรคประชาธิปัตย์เปลี่ยนสภาพ







                   108  ข้อมูลจากการท าวิจัยภาคสนามของผู้วิจัยในจังหวัดจันทบุรีและอุบลราชธานี, 14-17 เม.ย. 2566 และ 7-13
                   พ.ค. 2566 ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลที่ปรากฏในรายงานข่าวจ านวนมาก ดู “ชาวบ้านงงหนัก ป้ายหาเสียง ผู้สมัคร พป
                   ชร. ไม่ใส่ชื่อพรรค-ใส่สีแดงเป็นพื้นหลัง,” ข่าวสด, 5 พ.ค. 2566; “เน้นคน ไม่เน้นพรรค! ป้ายหาเสียงผู้สมัครพรรค
                   ดัง ไม่ใส่ชื่อ-โลโก้พรรค ใช้สีพรรคคู่แข่งท าพื้นหลัง,” เรื่องเล่าเช้านี้, 5 พ.ค. 2566, https://www.youtube.com/
                   watch?v=sCnhZ8IVAo0.
                   109  ดูสถิติการเลือกตั้งรายจังหวัดได้ในเว็บรายงานผลของคณะกรรมการการเลือกตั้ง https://official.ectreport.com/by-
                   province.
   99   100   101   102   103   104   105   106   107   108   109