Page 107 - 23464_Full text
P. 107

106



                   เพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งมาเป็นอันดับหนึ่งอย่างแน่นอน นักวิชาการบางคนและตัวพรรคเพื่อไทย
                                                                                 113
                   เองเชื่อมั่นว่าพรรคจะชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงแบบ “แลนด์สไลด์”
                          ผลการเลือกตั้งที่พรรคเพื่อไทยแพ้การเลือกตั้งให้กับก้าวไกลจึงเป็นผลการเลือกตั้งที่ผิดความ

                   คาดหมายของทุกฝ่ายทั้งนักวิเคราะห์รวมถึงพรรคการเมืองที่แข่งขันกันในระบบ พรรคเพื่อไทย
                   ประกาศเป้าหมายไว้ที่ 310 ที่นั่ง แต่ผลการเลือกตั้งจริงพบว่าได้เพียง 141 ที่นั่ง ต่ ากว่าเป้าหมายที่ตั้ง
                   ไว้ครึ่งหนึ่ง อันที่จริงต้องกล่าวว่ามีเหตุผลที่พรรคเพื่อไทยจะประเมินว่าตนเองมีโอกาสชนะการ
                   เลือกตั้งมาเป็นอันดับหนึ่งโดยได้เสียงข้างมากเกินครึ่ง เพราะหากย้อนกลับไปดูผลการเลือกตั้งในช่วงปี

                   2544-2554 ที่มีการใช้ระบบเลือกตั้งผสมแบบเสียงข้างมากที่มีบัตร 2 ใบ พรรคเพื่อไทยท าผลงาน
                   ภายใต้ระบบนี้ได้ดีอย่างยิ่ง คือได้ที่นั่งมาเป็นอันดับหนึ่งทุกครั้งและได้ที่นั่ง ส.ส. อยู่ระหว่าง 233-377
                   ที่นั่ง พรรคท าผลงานได้ดีทั้งในส่วนคะแนนบัญชีรายชื่อและคะแนนเขต โดยการแข่งขันในระบบเขต
                   พรรคเพื่อไทยมักจะชนะประมาณครึ่งหนึ่งหรือมากกว่านั้นของจ านวนเขตเลือกตั้งทั้งหมด (เลือกตั้งปี

                   2544 เพื่อไทยได้ 200 ที่นั่งจาก 400 ที่นั่ง; ปี 2548 ได้ 310 จาก 400 ที่นั่ง; ปี 2550 ได้ 199 จาก
                   400 ที่นั่ง; ปี 2554 ได้ 204 จาก 375 ที่นั่ง) ส่วนคะแนนบัญชีรายชื่อของเพื่อไทยจะอยู่ระหว่าง
                   ร้อยละ 41 ถึง 67 ซึ่งถือว่าเป็นสัดส่วนที่สูงมากเหนือกว่าพรรคการเมืองอื่นๆ อย่างทิ้งห่าง ฉะนั้น

                   ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ที่พรรคเพื่อไทยได้ที่นั่งส.ส. เพียง 141 ที่นั่ง เพิ่มขึ้นจากการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว
                   เพียง 5 ที่นั่งทั้งที่เปลี่ยนมาใช้ระบบเลือกตั้งที่พรรคเพื่อไทยมีความได้เปรียบ จึงสะท้อนถึงประเด็น
                   ส าคัญในทางวิชาการว่าด้วยข้อจ ากัดของการออกแบบสถาบันทางการเมือง กล่าวคือ ระบบเลือกตั้ง
                   แบบเดียวกันเมื่อน ามาใช้ในสภาพแวดล้อมทางสังคมและการเมืองที่เปลี่ยนแปลงไป ระบบเลือกตั้งนั้น
                   จะไม่ได้ส่งผลลัพธ์เหมือนเดิม ในการเลือกตั้ง 2566 พรรคเพื่อไทยได้คะแนนลดลงทั้งในบัตรที่เลือก

                   ผู้แทนเขตและบัตรบัญชีรายชื่อ โดยสัดส่วนคะแนนบัญชีรายชื่อลดลงเหลือร้อยละ 29.22 ตามหลัง
                   ก้าวไกลที่ได้คะแนนบัญชีรายชื่อร้อยละ 38.48 ฉะนั้นปัจจัยส าคัญที่ระบบเลือกตั้งผสมแบบเสียงข้าง
                   มากก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่แตกต่างก็มาจากปัจจัยเรื่องพรรคการเมืองคู่แข่งหน้าใหม่ของเพื่อไทยมี

                   ความเข้มแข็งมากขึ้น
                          อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อไทยยังมีคะแนนนิยมที่มั่นคงในภาคอีสานและภาคเหนือ โดยพรรค

                   เพื่อไทยยังเป็นขวัญใจของคนในภาคอีสานอย่างชัดเจน สามารถชนะคะแนนบัญชีรายชื่อมาเป็นอันดับ
                   หนึ่งได้ 26 จังหวัด โดยเกือบทั้งหมดอยู่ในภาคอีสานและมีบางส่วนอยู่ในภาคเหนือ จังหวัดเหล่านี้
                   ได้แก่ กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ เชียงราย นครพนม โคราช น่าน บึงกาฬ พะเยา พิจิตร มหาสารคาม

                   แพร่ มุกดาหาร ยโสธร ร้อยเอ็ด เลย ศรีสะเกษ หนองบัวล าภู หนองคาย สกลนคร สุโขทัย สุรินทร์
                   อุดรธานี อุบลราชธานี อ านาจเจริญ อุตรดิตถ์ (รวบรวมโดยผู้วิจัย) และลักษณะที่ส าคัญของคะแนน
                   ของพรรคเพื่อไทย คือ ในแต่ละเขตเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยได้คะแนนจากบัตรเลือกตั้งระบบเขตกับ
                   ระบบบัญชีรายชื่อใกล้เคียงกัน สะท้อนว่าผู้เลือกตั้งส่วนใหญ่ที่เลือกเพื่อไทยมีแนวโน้มลงคะแนนให้

                   เพื่อไทยทั้งสองใบ เพียงแค่ว่าฐานคะแนนนิยมรวมทั้งประเทศของเพื่อไทยน้อยลงจากการเลือกตั้ง
                   ในช่วงปี 2544-2554





                   113  “สมชัยฟันธงสูตรหาร100 ท าเพื่อไทยแลนด์สไลด์แน่ จับตา ส.ว. ตีตก แนะรอดูสัญญาณ 2 ลุง,” สยามรัฐ, 20
                   พ.ค. 2565; “‘สมศักดิ์’ รับเพื่อไทย มีโอกาสแลนด์สไลด์จริง เผยผลโพล 2 เดือนก่อน มั่นใจรัฐบาลแน่,” มติชน, 17
                   มี.ค. 2566.
   102   103   104   105   106   107   108   109   110   111   112