Page 110 - 23464_Full text
P. 110
109
(representation) สะท้อนข้อเรียกร้องเชิงนโยบายของเสียงส่วนน้อย แต่กลายสภาพเป็นกลุ่ม
ผลประโยชน์ (interest groups) ในตัวเองที่ใช้ที่นั่งในสภาเพื่อต่อรองอ านาจ ต าแหน่ง และ
ผลประโยชน์เฉพาะตน ดังเช่นที่เกิดขึ้นในรัฐสภาของไทยในช่วงปี 2562-2566
หากย้อนไปในอดีต ระบบเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญปี 2540 คือระบบเลือกตั้งที่สร้าง
ความเสียเปรียบให้กับพรรคขนาดเล็กมากที่สุด ในขณะที่ระบบเลือกตั้งที่สร้างความได้เปรียบใน
การแข่งขันให้กับพรรคขนาดเล็กมากที่สุดคือ ระบบเลือกตั้งปี 2560 ตามมาด้วยระบบเลือกตั้งปี
117
2550 (แก้ไขเพิ่มเติม) และระบบเลือกตั้ง 2550 ตามล าดับ อย่างไรก็ตามประเด็นส าคัญที่ควรค านึง
คือ ล าพังระบบเลือกตั้งมิใช่ปัจจัยชี้ขาดที่จะตัดสินว่าพรรคการเมืองขนาดเล็กจะชนะเลือกตั้งเข้าสู่
สภาหรือไม่ เพราะผลงานและความนิยมที่ประชาชนจะมอบให้กับพรรคขนาดเล็กย่อมขึ้นอยู่กับบริบท
ทางการเมือง สภาพความขัดแย้งทางสังคม ณ ห้วงเวลาของการเลือกตั้ง รวมถึงยุทธศาสตร์การ
หาเสียงของพรรคการเมืองขนาดใหญ่ด้วย
กล่าวเฉพาะในส่วนของระบบเลือกตั้ง การศึกษาเปรียบเทียบพบว่ากลไกที่ส าคัญที่จะเอื้อให้
พรรคเล็กมีที่นั่งในสภาได้คือ เพดานขั้นต่ าในระบบบัญชีรายชื่อ โดยเพดานร้อยละ 5 ตามรัฐธรรมนูญ
ปี 2540 ท าให้พรรคขนาดเล็กมีโอกาสน้อยในการเข้าสู่สภา ในขณะที่การไม่มีเพดานขั้นต่ าเลยใน
รัฐธรรมนูญ 2550 และ 2560 เปิดโอกาสให้พรรคขนาดเล็กมากขึ้น กลไกถัดมาคือสัดส่วนที่นั่ง
ระหว่างระบบเขตกับระบบบัญชีรายชื่อ การก าหนดให้มีผู้แทนในระบบบัญชีรายชื่อมากขึ้นจะช่วยเพิ่ม
โอกาสให้พรรคเล็กแข่งขันได้มากขึ้น เนื่องจากโดยทั่วไปพรรคขนาดเล็กแข่งขันในระบบเขตได้ยาก
(ยกเว้นเป็นพรรคท้องถิ่นที่มีฐานคะแนนนิยมชัดเจน เป็นต้น) ระบบเลือกตั้งปี 2550 (แก้ไขเพิ่มเติม)
และ 2560 ที่มีส.ส.บัญชีรายชื่อ 125 และ 150 คนตามล าดับช่วยเพิ่มโอกาสให้พรรคขนาดเล็กมากขึ้น
กลไกที่สามที่ส าคัญคือ ขนาดของเขตเลือกตั้งทั้งในระบบเขตและบัญชีรายชื่อ โดยเขตเลือกตั้ง
ในระบบเขตแบบเขตเดียวคนเดียวท าให้พรรคเล็กแข่งขันได้มากกว่าระบบแบบเขตเดียวหลายคน
ส่วนระบบบัญชีรายชื่อแบบเขตเลือกตั้งทั้งประเทศเปิดโอกาสให้พรรคเล็กแข่งขันได้มากกว่าเขต
118
เลือกตั้งแบบภูมิภาค (กลุ่มจังหวัด) (ซึ่งเคยใช้ในระบบเลือกตั้งภายใต้รัฐธรรมนูญ 2550)
เมื่อพิจารณาจากระบบเลือกตั้งและผลการเลือกตั้งในอดีต จึงเป็นที่เข้าใจได้ว่าเหตุใดพรรค
การเมืองขนาดเล็กจึงคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญในส่วนระบบเลือกตั้งกลับไปเป็นระบบเลือกตั้งแบบ
รัฐธรรมนูญปี 2540 เพราะระบบนี้ท าให้พรรคขนาดเล็กเสียเปรียบมากที่สุดกว่าระบบเลือกตั้งแบบอื่น
แต่สุดท้ายพรรคขนาดเล็กก็คัดค้านไม่ส าเร็จ ดังที่ได้อภิปรายไปแล้วในตอนต้นของงานวิจัย
แต่ประเด็นที่ต้องหมายเหตุไว้ คือ ระบบเลือกตั้งผสมแบบเสียงข้างมากที่น ากลับมาใช้ในการเลือกตั้งปี
2540 แม้ว่าจะถอดแบบมาจากระบบของปี 2540 ทุกประการ แต่มีข้อต่างที่ส าคัญคือ การไม่
ก าหนดให้มีเพดานขั้นต่ าในระบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งจากงานวิจัยของผู้เขียนที่ศึกษาเปรียบเทียบระบบ
เลือกตั้งพบว่า ปัจจัยเรื่องเพดานขั้นต่ าในระบบบัญชีรายชื่อเป็นปัจจัยที่ส าคัญที่สุดต่อโอกาสการเข้าสู่
119
สภาของพรรคขนาดเล็ก ฉะนั้นการน าระบบเลือกตั้งแบบรัฐธรรมนูญปี 2540 มาใช้โดยตัดเพดาน
117 ประจักษ์ ก้องกีรติ, ระบบเลือกตั้งเพื่อลดความขัดแย้งและส่งเสริมคุณภาพประชาธิปไตย, น.134-148.
118 ประจักษ์ ก้องกีรติ, ระบบเลือกตั้งเพื่อลดความขัดแย้งและส่งเสริมคุณภาพประชาธิปไตย, น.147-148.
119 ประจักษ์ ก้องกีรติ, ระบบเลือกตั้งเพื่อลดความขัดแย้งและส่งเสริมคุณภาพประชาธิปไตย, น.147-148; ส าหรับ
ผลกระทบของเพดานขั้นต่ าต่อระบบพรรคการเมืองและโอกาสของพรรคขนาดเล็ก ดู Michael Gallagher,
“Comparing Proportional Representation Electoral Systems: Quotas, Thresholds, Paradoxes and