Page 111 - 23464_Full text
P. 111

110



                   ขั้นต่ าออกไปจึงเป็นสูตรการประนีประนอมทางการเมืองแบบหนึ่ง ที่พรรคขนาดใหญ่ใช้เงื่อนไขนี้มา
                   แยกสลายเอกภาพของพรรคขนาดเล็ก ท าให้ในการลงคะแนนแก้ไขรัฐธรรมนูญมีพรรคขนาดเล็ก

                   จ านวนหนึ่งคัดค้านการแก้ไข แต่ก็มีพรรคขนาดเล็กจ านวนหนึ่งสนับสนุนการแก้ไขระบบเลือกตั้ง
                   เนื่องจากมองว่าตนเองยังพอมีโอกาสอยู่รอดทางการเมืองภายใต้การยกเลิกเพดานขั้นต่ า (ดูแบบแผนการ
                   ลงคะแนนของพรรคการเมืองต่อการแก้ไขระบบเลือกตั้งในตอนต้นของงานวิจัยในตารางที่ 3 และ 4)

                          การเปลี่ยนระบบเลือกตั้งจากระบบจัดสรรปันส่วนผสมมาใช้ระบบผสมแบบเสียงข้างมากยัง
                   ท าให้พรรคขนาดเล็กต้องหาหนทางปรับตัวในช่วงก่อนที่จะมีการยุบสภา เช่น ยุบพรรคมารวมกันเพื่อ

                   ผสานทรัพยากรและเพิ่มโอกาสในการชนะการแข่งขันมากขึ้น เช่น การควบรวมระหว่าง
                   พรรคชาติพัฒนาที่น าโดยนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ กับพรรคกล้าที่น าโดยนายกรณ์ จาติกวณิช กลายเป็น
                                                 120
                   พรรคใหม่ที่ชื่อว่า “ชาติพัฒนากล้า”  หรือความพยายามรวมกันระหว่างพรรคไทยสร้างไทยที่น าโดย
                   คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ กับพรรคสร้างอนาคตไทยที่น าโดยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ แต่สุดท้าย

                   ความพยายามทางการเมืองนี้ไม่ส าเร็จ จนในที่สุดกลุ่มแกนน าพรรคสร้างอนาคตไทยได้ย้ายเข้าไป
                   สังกัดพรรคพลังประชารัฐ และพรรคสร้างอนาคตไทยก็ไม่ได้เข้าสู่สนามการแข่งขันในศึกเลือกตั้ง
                   2566 หรือกลุ่มการเมืองที่น าโดยนายธรรมนัส พรหมเผ่า ซึ่งแยกตัวออกจากพรรคพลังประชารัฐไปตั้ง

                   พรรคเศรษฐกิจไทย แต่สุดท้ายเมื่อมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ตระหนักดีว่าหนทางในการชนะเลือกตั้ง
                   นั้นไม่สดใสนัก ท าให้ตัดสินใจพากลุ่มนักการเมืองของตนย้ายกลับเข้าพลังประชารัฐ ปิดฉากพรรค
                                         121
                   เศรษฐกิจไทยอย่างรวดเร็ว  ปรากฏการณ์ “ควบรวม-ยุบ-ย้าย” พรรคขนาดเล็กอย่างสับสนชุลมุน
                   ในช่วงก่อนที่จะมีการประกาศจัดการเลือกตั้งนี้ สะท้อนว่านักการเมืองทั้งหลายตระหนักเป็นอย่างดีถึง
                   ผลกระทบของระบบเลือกตั้งแบบใหม่ที่สร้างอุปสรรคขวากหนามอย่างมากให้กับพรรคขนาดเล็กที่จะ

                   อยู่รอดในระบบการเมือง

                          เมื่อวิเคราะห์ผลการเลือกตั้งปี 2566 พบว่าระบบเลือกตั้งผสมแบบเสียงข้างมากที่ไม่มีเพดาน
                   ขั้นต่ าในระบบบัญชีรายชื่อ ท าให้ผลกระทบต่อพรรคขนาดเล็กเกิดขึ้นในลักษณะครึ่งๆ กลางๆ คือ
                   พรรคขนาดเล็กมีโอกาสเข้าสู่สภาได้มากกว่าตอนการเลือกตั้งปี 2544 และ 2548 ที่มีเพดานขั้นต่ า
                   แต่พรรคขนาดเล็กก็มีจ านวนลดลงและท าผลงานได้แย่ลงเมื่อเทียบกับการเลือกตั้งปี 2562 ที่ใช้ระบบ

                   จัดสรรปันส่วนผสมบัตรใบเดียว โดยครั้งนี้มีพรรคขนาดเล็กในสภาจ านวน 12 พรรค โดยมีถึง 7 พรรค
                   ที่มี ส.ส. เพียง 1 คน (ดูตารางที่ 19) เทียบกับการเลือกตั้งปี 2544 ที่มี 4 พรรค, ปี 2548 ที่มี 1 พรรค,
                   ปี 2550 ที่มี 3 พรรค, ปี 2554 ที่มี 7 พรรค, และปี 2562 ที่มี 19 พรรค หากพิจารณาเฉพาะมิติของ

                   พรรคขนาดเล็ก เมื่อดูจ านวนพรรคขนาดเล็กและสัดส่วนคะแนนและที่นั่งที่พรรคเหล่านี้ได้รับ ผลการ
                   เลือกตั้งครั้งนี้มีความคล้ายคลึงกับการเลือกตั้งปี 2554 มากที่สุด เพราะใช้ระบบผสมแบบเสียงข้าง




                   Majorities,” British Journal of Political Science 22: 4 (1992): 469–496; Rein Taagepera, “Nationwide
                   Threshold of Representation,” Electoral Studies 21: 3 (2002): 383–401.
                   120  หทัยกาญจน์ ตรีสุวรรณ, “กรณ์-สุวัจน์ ประกาศจับมือการเมือง สู้ศึกเลือกตั้ง 66 ในนามพรรคชาติพัฒนา,” บีบีซี
                   ไทย, 2 ก.ย. 2565, https://www.bbc.com/thai/articles/c3g430dyvq8o.
                   121  “จุดจบรวมพรรคสมคิด-สุดารัตน์ สร้างอนาคตไทยแตก ลอยแพผู้สมัคร ส.ส.,” ประชาชาติธุรกิจ, 6 ก.พ. 2566,
                   https://www.prachachat.net/politics/news-1194332; “สร้างอนาคตไทยเละ ลูกพรรคอัดไปดีลพปชร.ไม่บอก
                   ใคร เหมือนทิ้งไว้กลางทาง,” ไทยรัฐ, 2 ก.พ. 2566; “ธรรมนัส กลับพลังประชารัฐ พรรคแตกภาค 2,” ประชาชาติ
                   ธุรกิจ, 14 ก.ย. 2565.
   106   107   108   109   110   111   112   113   114   115   116