Page 100 - 23464_Full text
P. 100
99
ประชาชนทุกคนไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนในเฉดอุดมการณ์ทางการเมืองและนโยบาย ย่อมมีตัวเลือกใน
ระบบการเมืองที่ตรงกับความชอบของตน และแนวโน้มดังกล่าวนี้ย่อมเป็นพัฒนาการที่ดีของ
ประชาธิปไตยไทย
นอกจากประเด็นเรื่องจ านวนพรรคการเมืองที่ลดลง ระบบพรรคการเมืองหลายพรรคที่มี
ความแตกต่างหลากหลายทางนโยบายและอุดมการณ์ โดยมีสองพรรคหลักที่ชนะการเลือกตั้งแต่ไม่ได้
อยู่ในสถานะครอบง าแล้ว การเลือกตั้งปี 2566 ยังสะท้อนถึงแนวโน้มที่น่าสนใจประการส าคัญของ
ระบบพรรคการเมืองไทย คือ การเปลี่ยนกลับไปใช้ระบบผสมแบบเสียงข้างมากที่มีบัตร 2 ใบภายใต้
ภูมิทัศน์พรรคการเมืองที่หลากหลายมากขึ้น ท าให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีทางเลือกมากขึ้นดังที่อภิปรายไป
ข้างต้น และผลการเลือกตั้งชี้ชัดว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งจ านวนมากมีพฤติกรรมการเลือกตั้งแบบ
“แบ่งคะแนน” (split vote) ระหว่างบัตรใบแรกที่ลงคะแนนเลือกผู้แทนเขตกับบัตรใบที่สอง
ที่ลงคะแนนเลือกพรรคในระบบบัญชีรายชื่อ หรือดังสโลแกนของคณะกรรมการการเลือกตั้งที่ว่า
“เลือกคนที่รัก เลือกพรรคที่ชอบ” ซึ่งคะแนนของพรรคการเมืองต่างๆ มีช่องว่างระหว่างคะแนนใน
ระบบเขตกับคะแนนในระบบบัญชีรายชื่อ บางพรรคได้คะแนนจากผู้สมัครในระบบเขตมากกว่า
คะแนนของพรรคในบัตรบัญชีรายชื่อ บางพรรคเป็นไปในทิศทางตรงกันข้าม และช่องว่างนี้มีตั้งแต่
ระดับต่ าไปจนถึงระดับสูงเกิน 4 ล้านคะแนน (ดูตารางที่ 15) สะท้อนว่ามีการลงคะแนนแบบแบ่ง
คะแนนในสัดส่วนที่สูงในการเลือกตั้ง 2566
ส่วนต่างคะแนนระหว่างระบบเขตกับระบบบัญชีรายชื่อของแต่ละพรรคสะท้อนว่า
พรรคการเมืองในระบบพรรคการเมืองไทยปัจจุบันอาจถูกจ าแนกได้เป็น 3 ประเภท คือ หนึ่ง พรรคที่
สถาบันพรรคแข็งแรงกว่าตัวผู้สมัคร สอง พรรคที่ตัวผู้สมัครแข็งแรงกว่าพรรค และสาม พรรคที่ตัว
ผู้สมัครกับพรรคแข็งแรงทัดเทียมกัน
พรรคประเภทแรกคือ องค์กรพรรคได้รับความนิยมจากประชาชนสูงเพราะประชาชนชื่นชอบ
นโยบาย จุดยืน และ/หรืออุดมการณ์ของพรรค แต่อาจไม่ได้ชื่นชอบตัวผู้สมัครของพรรคในระดับ
เดียวกับที่ชื่นชอบตัวพรรค เนื่องมาจากหลายเหตุปัจจัย เช่น ผู้สมัครยังไม่เป็นที่รู้จัก ขาดผลงาน และ/
หรือคุณสมบัติยังไม่โดดเด่น ท าให้ประชาชนเลือกลงคะแนนบัญชีรายชื่อให้พรรค แต่หันไปเลือก
ผู้สมัครในระบบเขตจากพรรคอื่น พรรคประเภทแรกนี้จึงได้คะแนนบัญชีรายชื่อสูงกว่าคะแนนของ
ผู้สมัคร ได้แก่ พรรคก้าวไกล รวมไทยสร้างชาติ และประชาชาติ (พิจารณาเฉพาะพรรคการเมืองหลัก
ในระบบ) ซึ่งถ้าพิจารณาเจาะลึกลงไปจะพบว่าทั้งสามพรรคเป็นตัวแทนทางนโยบายและอุดมการณ์ที่
โดดเด่นชัดเจนในสนามการแข่งขันทางการเมืองในปัจจุบัน พรรคก้าวไกลเป็นตัวแทนของประชาชนที่
ชื่นชอบนโยบายเสรีนิยม รัฐสวัสดิการ การกระจายอ านาจ และประชาธิปไตยของประชาชน พรรค
รวมไทยสร้างชาติเป็นตัวแทนของพลังอนุรักษ์นิยมและราชาชาตินิยม ในขณะที่พรรคประชาชาติเป็น
103
ตัวแทนของกลุ่มอัตลักษณ์มลายูมุสลิมในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ท าให้พรรคมีจุดขายที่ชัดเจนใน
103 Napon Jatusripitak, “Rejection of the Status Quo: The Move Forward Party’s Triumph and the
Call for Change in Thai Politics,” Thai Enquirer, 19 May 2023, https://www.thaienquirer.com/49716/
rejection-of-the-status-quo-the-move-forward-partys-triumph-and-the-call-for-change-in-thai-politics/
“เลือกตั้ง 2566: ถอดรหัสคลิป รทสช. การต่อสู้เฮือกสุดท้ายของอนุรักษนิยมฮาร์ดคอร์,” บีบีซีไทย, 9 พ.ค. 2566,
https://www.bbc.com/thai/articles/cpvxqv3wxgyo; อิมรอน ซาเหาะ, “ชายแดนใต้/ปาตานีกับการเลือกตั้ง
2566: อัตลักษณ์ เงินตรา และการเปลี่ยนผ่าน?” วารสารวาระการเมืองและสังคม, 2: 1 (ม.ค. – มิ.ย. 2566): 30-47.