Page 44 - 23464_Full text
P. 44
43
ผู้สมัครระบบบัญชีรายชื่อได้จะต้องส่งผู้สมัครส.ส.ไม่ต่ ากว่า 100 เขตก่อน(ตามร่างที่เสนอโดยพรรค
พลังประชารัฐ) หรือสรุปได้ว่ากรรมาธิการยึดตามร่างของพรรคประชาธิปัตย์เป็นหลัก
ในวันที่ 9 กันยายน 2564 ที่ประชุมรัฐสภานัดลงมติในวาระ 3 ส าหรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ
มาตรา 83 และ 91 ที่ทางพรรคประชาธิปัตย์น าโดย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เป็นผู้เสนอ
ผลการลงมติปรากฏว่า รัฐสภาเห็นชอบผ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าว ด้วยคะแนนเสียงที่
ชัดเจน คือ เห็นชอบ 472 เสียง (ส.ส. 323 เสียง และ ส.ว. 149 เสียง) ไม่เห็นชอบเพียง 33 เสียง
30
(ส.ส. 23 เสียง และ ส.ว. 10 เสียง) และงดออกเสียง 187 เสียง (ส.ส. 121 เสียง และ ส.ว. 66 เสียง)
เมื่อวิเคราะห์ผลการลงมติโดยแยกดูตามพรรคการเมืองพบว่า พรรคการเมืองที่ประกาศ
สนับสนุนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ได้แก่ พรรคเพื่อไทย (พท.) ซึ่งมี ส.ส. อยู่ 134 เสียง พรรคพลัง
ประชารัฐ (พปชร.) 119 เสียง และพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เจ้าของร่างที่มี 48 เสียง ซึ่งทั้งสามพรรค
เป็นผู้ผลักดันให้กลับไปใช้ระบบการเลือกตั้งแบบรัฐธรรมนูญปี 2540 ตั้งแต่ต้นในช่วงเดือนมิถุนายน
ส าหรับพรรคภูมิใจไทยซึ่งเหลือ 59 เสียงในสภาและมีฐานะเป็นพรรคขนาดกลาง มีมติพรรค
ให้สมาชิกพรรคงดออกเสียงตั้งแต่วาระที่ 1 ถึงวาระที่ 3 ส่วนพรรคก้าวไกลที่มี 53 เสียง แสดงจุดยืน
ของพรรคต่อสาธารณชนว่า สนับสนุนระบบเลือกตั้งที่ใช้บัตรเลือกตั้งแบบ 2 ใบ แต่ไม่เห็นด้วยกับวิธี
ค านวณคะแนนตามร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ซึ่งเป็นระบบแบบคู่ขนาน (parallel system) ที่ยึด
ตามรัฐธรรมนูญปี 2540 แต่สนับสนุนระบบบัตร 2 ใบที่ค านวณคะแนนแบบระบบเยอรมนี
จึงประกาศงดออกเสียง นอกจากนั้น พรรคก้าวไกลยังแสดงความผิดหวังที่การแก้รัฐธรรมนูญ
ถูกลดทอนให้เหลือเพียงการแก้ระบบเลือกตั้งเพียงประเด็นเดียวมากกว่าที่จะมีการร่างใหม่ทั้งฉบับ
แต่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลแถลงต่อสาธารณะว่า “พวกเขาพร้อมที่จะสู้ทุกกติกา
ทุกสนาม ทุกเมื่อ” ซึ่งหมายความว่าแม้พวกเขาจะไม่เห็นด้วยกับระบบเลือกตั้งบัตร 2 ใบที่ค านวณ
31
คะแนนแบบปี 2540 แต่พวกเขาก็จะไม่ลงคะแนนคัดค้าน
พรรคขนาดเล็ก 2 พรรคที่ได้ประโยชน์จากระบบเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสมบัตรใบเดียว
โดยไม่มีฐานเสียงที่แข็งแกร่งในระบบเขต แต่มีฐานสนับสนุนกระจายในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ คือ
พรรคเสรีรวมไทย ที่น าโดยพลต ารวจเอก เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส และพรรครวมพลังประชาชาติไทย
ที่ก่อตั้งโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งมี ส.ส. 10 เสียง และ 5 เสียงตามล าดับ ร่วมโหวตคว่ าร่าง
แก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้
ในขณะที่บรรดาพรรคเล็กที่มี ส.ส. เพียงพรรคละ 1 คน เกือบทั้งหมดลงคะแนนไม่รับร่าง
แก้ไขระบบเลือกตั้งฉบับนี้ โดยให้เหตุลว่าจะน าประเทศไทยไปสู่ระบบ “เผด็จการรัฐสภา” ไม่ว่าจะ
เป็นพรรคพลังชาติไทย พรรคเพื่อชาติไทย พรรคพลเมืองไทย พรรคประชาธรรมไทย พรรค
ประชาธิปไตยใหม่ พรรคพลังธรรมใหม่ พรรคไทรักธรรม พรรคไทยศรีวิไลย์ และพรรคครูไทยเพื่อ
ประชาชน อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่น่าสนใจคือไม่ใช่พรรคเล็กทุกพรรคลงคะแนนปฏิเสธร่างฉบับนี้
โดยมีพรรคเล็ก 2 พรรค (ที่ต่างมี ส.ส. เพียง 1 คน) คือ พรรคประชาภิวัฒน์ และพรรคประชาธิปไตยใหม่
30 “ผลโหวต แก้รัฐธรรมนูญ วาระ 3 ใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ,” โพสต์ทูเดย์, 10 กันยายน 2564.
31 “ก้าวไกล ประกาศงดออกเสียง โหวตร่างรธน.วาระ 3 เชื่อ รอยร้าว ‘พปชร.’ กระทบเสถียรภาพรัฐบาล,” มติชน,
10 ก.ย. 2564.