Page 47 - 23464_Full text
P. 47
46
กระบวนการสืบเนื่องหลังจากที่รัฐสภาเห็นชอบการแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องระบบเลือกตั้ง
กลับไปเป็นการใช้บัตร 2 ใบ (รัฐธรรมนูญ 2560 ฉบับที่แก้ไขสามมาตราเรื่องระบบเลือกตั้ง
ประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2564) น าไปสู่ขั้นตอนถัดไปทางกฎหมาย
คือ การแก้ไขกฎหมายการเลือกตั้งให้สอดคล้องกับระบบเลือกตั้งที่เปลี่ยนไป คือ การแก้ไข
พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561
(กฎหมายเลือกตั้ง) ซึ่งกระบวนการในการแก้กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญนั้นโดยปรกติแล้วไม่ใช่เรื่อง
ซับซ้อนหรือมีปัญหาแต่อย่างใด โดยเฉพาะเมื่อค านึงถึงข้อเท็จจริงที่ว่าการเปลี่ยนระบบเลือกตั้ง
กลับไปใช้แบบบัตร 2 ใบได้ผ่านความเห็นชอบด้วยเสียงข้างมากชัดเจนจากทั้งสภาผู้แทนราษฎรและ
วุฒิสภา ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ยากที่สุดไปแล้ว อย่างไรก็ตาม กระบวนการทางนิติบัญญัติซึ่งไม่ควรจะ
ซับซ้อน กลับถูกแปรเปลี่ยนเป็นการต่อสู้และความขัดแย้งทางการเมืองที่ยืดเยื้อยาวนานนับปี โดยมี
ปมปัญหาหลักอยู่ที่การค านวณหาที่นั่ง ส.ส. ซึ่งมีข้อเสนอแตกต่างกันออกเป็นสองฝ่าย ระหว่างฝ่ายที่
รู้จักกันในนามว่าสนับสนุน “สูตรหาร 100” กับฝ่ายที่สนับสนุน “สูตรหาร 500” ซึ่งในความเป็นจริง
แล้ว หัวใจของความแตกต่างไม่ได้อยู่ที่ตัวเลขในการหาร แต่เป็นเรื่องของระบบเลือกตั้งที่แตกต่างกัน
โดยสิ้นเชิง แต่น่าเสียดายว่าการถกเถียงของพรรคการเมืองและวุฒิสมาชิกท าให้สังคมสับสนและ
พลาดโอกาสที่จะเรียนรู้ร่วมกันในเรื่องระบบเลือกตั้ง กลับไปเน้นที่สูตรตัวเลขเสียแทน
สูตรหาร 100 นั้นแท้จริงแล้วคือระบบผสมแบบคู่ขนาน (parallel systems) หรือระบบผสม
ที่เน้นเสียงข้างมาก (Mixed Member Majoritarian System) ซึ่งมักเรียกย่อๆ ว่า MMM ซึ่งเคยใช้ใน
รัฐธรรมนูญปี 2540 ที่คะแนนบัญชีรายชื่อจะน ามาค านวณหาแค่ที่นั่งส.ส. บัญชีรายชื่อ (ที่มี 100 ที่นั่ง)
ในขณะที่สูตรหาร 5 0 0 นั้นมีลักษณะคล้ายกับระบบผสมแบบสัดส่วน (Mixed Member
Proportional System) ที่มักเรียกกันย่อๆ ว่า MMP คือ คะแนนบัญชีรายชื่อจะถูกน ามาค านวณ
ไม่ใช่แค่หาที่นั่งบัญชีรายชื่อ แต่เพื่อหาที่นั่งทั้งหมดของสภา (ที่มี 500 ที่นั่ง) (ประเด็นนี้จะอภิปราย
37
ต่อไปข้างหน้าในส่วนบทวิเคราะห์)
กระบวนการร่าง พ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. เริ่มต้นในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565
เมื่อที่ประชุมร่วมรัฐสภามีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. จ านวน 4 ฉบับ ในวาระที่ 1
(ขั้นรับหลักการ) โดยร่างที่ผ่านความเห็นชอบประกอบด้วยร่างของคณะรัฐมนตรี (เห็นชอบด้วย
คะแนนเสียง 609:16), ร่างของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว พรรคเพื่อไทย (เห็นชอบด้วยคะแนนเสียง
420:14), ร่างของนายวิเชียร ชวลิต พรรคพลังประชารัฐ (เห็นชอบด้วยคะแนนเสียง 598:26) และร่าง
ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พรรคก้าวไกล (เห็นชอบด้วยคะแนนเสียง 418:202) ซึ่งร่างทั้งสี่ฉบับต่าง
ก าหนดแก้ไขสูตรค านวณ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อแบบ “หาร 100” น าไปสู่การตั้ง กมธ.วิสามัญเพื่อ
พิจารณาร่าง พ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. (ฉบับที่…) พ.ศ…. รัฐสภา จ านวน 49 คน ที่มีนายสาธิต
ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข แกนน าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธาน ซึ่งกรรมาธิการก าหนดให้ใช้
Larmour (eds.), Electoral Systems in Ethnically Divided Societies: The Fiji Constitution Review (Canberra:
National Centre for Development Studies, the Australian National University, 1997); Donald Horowitz,
“Electoral Systems: A Primer for Decision Makers,” Journal of Democracy, 14: 4 (October 2003): 115-127.
37 งานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งของผู้เขียนได้อธิบายอย่างละเอียดถึงความแตกต่างระหว่างระบบเลือกตั้งแบบผสม 2 ประเภท
นี้ รวมถึงความแตกต่างระหว่างระบบผสมกับระบบเลือกตั้งแบบเสียงข้างมาก และผลกระทบของการประยุกต์ใช้
ระบบเลือกตั้งแบบต่างๆ ในประเทศไทย, ดู ประจักษ์ ก้องกีรติ, ระบบเลือกตั้งเพื่อลดความขัดแย้งและส่งเสริม
คุณภาพประชาธิปไตย (กรุงเทพฯ: วิทยาลัยการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า, 2565).

