Page 46 - 23464_Full text
P. 46
45
แบบรัฐธรรมนูญปี 2540 ซึ่งชัดเจนว่าจะท าให้คู่ต่อสู้ส าคัญทางการเมืองของตนอย่างพรรคเพื่อไทย
ได้เปรียบอย่างมาก
พฤติกรรมการลงคะแนนเสียงของวุฒิสมาชิกก็เป็นประเด็นที่ต้องวิเคราะห์หาแรงจูงใจเช่นกัน
ว่า เหตุใดพวกเขาซึ่งคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นอื่นๆ ทุกประเด็น ทั้งที่เสนอโดย
พรรคร่วมรัฐบาล พรรคร่วมฝ่ายค้าน และภาคประชาชน แต่เหตุใดจึงยอมสนับสนุนการแก้ไขเฉพาะ
ประเด็นระบบเลือกตั้ง และเหตุใดในวาระสามจึงมีการลงคะแนนไปในทิศทางที่ต่างกัน
จากการแก้รัฐธรรมนูญสู่การแก้กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ: การเมืองของระบบเลือกตั้งบัตร 2 ใบ
หลังจากมีความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญในหลายประเด็นรวมถึงความพยายามในการร่าง
ใหม่ทั้งฉบับ สุดท้ายรัฐสภามีความเห็นตรงกันเพียงประเด็นเดียวคือ การแก้ไขเปลี่ยนแปลงระบบ
เลือกตั้ง ปรากฏการณ์นี้สะท้อนประเด็นปัญหาเชิงสถาบันการเมืองสองประการด้วยกันคือ
หนึ่ง ตัวแสดงทางการเมืองยังขาดฉันทามติร่วมกันในเกือบทุกเรื่องที่เกี่ยวกับโครงสร้างและการจัดวาง
ความสัมพันธ์ทางอ านาจระหว่างสถาบันต่างๆ จึงไม่สามารถตกลงกันได้ไม่ว่าจะในประเด็นใดก็ตาม
ตั้งแต่ที่มาของฝ่ายบริหาร รูปแบบของสภา (สภาเดี่ยวหรือสภาคู่) ที่มาและขอบเขตอ านาจของ
วุฒิสภา ที่มาและขอบเขตอ านาจขององค์กรอิสระ ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐส่วนกลาง-ภูมิภาค-ท้องถิ่น
การขาดฉันทามตินี้มิใช่ปรากฏการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น หากด ารงมาเนิ่นนานกว่าหนึ่งทศวรรษและ
กลายเป็นอาการของโรคเรื้อรังของสังคมการเมืองไทย น าไปสู่การรัฐประหารและการปรับเปลี่ยน
รัฐธรรมนูญถึง 3 ฉบับในช่วงเวลาเพียง 2 ทศวรรษ (2540, 2550, 2560) ท าให้การเมืองไทยมีความ
35
ผันผวนสูง ขาดเสถียรภาพ และมีความเสี่ยงต่อความรุนแรงทางการเมือง
สอง การที่ตัวแสดงทางการเมืองมีความเห็นร่วมกันเพียงการแก้ไขระบบเลือกตั้ง มากกว่าที่
จะแตะประเด็นเชิงโครงสร้างและสถาบันทางการเมืองอื่นๆ สอดคล้องกับข้อค้นพบจากการศึกษาใน
วงวิชาการด้านสถาบันการเมืองเปรียบเทียบที่พบว่า ในบรรดาสถาบันการเมืองทั้งหลาย ระบบ
เลือกตั้งเปลี่ยนง่ายที่สุดและถูกควบคุมดัดแปลงเพื่อเอาไปรับใช้ผลประโยชน์ของชนชั้นน าทาง
การเมืองได้ง่ายที่สุด และผลประโยชน์ทางการเมืองระยะสั้นของชนชั้นน าทางการเมืองกลุ่มต่างๆ
มักเข้ามามีอิทธิพลต่อการก าหนดรูปแบบและระบบการเลือกตั้งมากกว่าการมองการณ์ไกลถึง
ผลกระทบที่จะตามมาในระยะยาว
36
Standard, 20 พ.ย. 2561; และดู ณัชชาภัทร อมรกุล, “‘รัฐธรรมนูญฉบับนี้ ดีไซน์มาเพื่อพวกเรา’: ผลของกฎหมาย
เพื่อ ‘การปฏิรูปพรรคการเมือง’,” วารสารรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์, 12:1 (ม.ค.- มิ.ย. 2564): 111-134.
35 ผู้เขียนได้อภิปรายถึงปัญหานี้ใน Prajak Kongkirati, “From Illiberal Democracy to Military
Authoritarianism: Intra-Elite Struggle and Mass-Based Conflict in Deeply Polarized Thailand,” The
ANNALS of the American Academy of Political and Social Science 681: 1 (2019): 24-40; และดูมุมมอง
เปรียบเทียบใน Federico Ferrara, The Political Development of Modern Thailand (Cambridge, UK:
Cambridge University Press, 2015); Janjira Sombatpoonsiri, “Two Thailands: Clashing Political Orders
and Entrenched Polarization,” in Political Polarization in South and Southeast Asia, Old Divisions,
New Dangers, edited by Thomas Carothers and Andrew O’ Donohue (Carnegie Endowment for
International Peace, 2020).
36 Donald Horowitz, “Encouraging electoral accommodation in divided societies,” in Brij V. Lal and Peter

