Page 98 - 22825_Fulltext
P. 98
2-58
จะการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารโดยการคลี่คลายอันเนื่องมาจากผู้บริหารในฝ่ายประจ ายอมผ่อนท่าทีลง
ด้วยการขอย้ายออกนอกพื้นที่เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุรุนแรง ด้วยเหตุนี้ประชาชนจึงไม่คิดที่จะต่อต้านหรือย้ายตัวเอง
ออกจากชุมชนอันเนื่องมาจากเหตุการณ์ความไม่สงบเหล่านี้ อย่างไรก็ ตามผลของ
การเปิดรับสื่อที่มีความรุนแรง กับการพบเห็นเหตุการณ์ความรุนแรงในชุมชนมีผลต่อพฤติกรรม
ความรุนแรงของนักเรียนวัยมัธยมศึกษาตอนต้น อย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับความเชื่อมั่น
ร้อยละ 99 (สุปรีชา ช านาญพุฒิพร และคณะ, 2560) โดยแสดงออกในลักษณะทางพฤติกรรมก้าวร้าวจากการ
เลียนแบบหรือเคยมีประวัติการใช้สารเสพติด ประวัติการเกิดพฤติกรรมรุนแรง ซึ่งผู้ที่มีอายุในช่วงวัยผู้ใหญ่
ตอนต้นจะมีแนวโน้มของพฤติกรรมความรุนแรงมากกว่าผู้ใหญ่ช่วงวัยกลางคนอย่างมีนัยส าคัญ เนื่องจากบุคคล
กลุ่มนี้มีวุฒิภาวะทางอารมณ์และการควบคุมได้น้อยกว่าผู้ใหญ่วัยกลางคน ขาดทักษะในการเผชิญปัญหาและ
แก้ไขส่งผลต่อการตัดสินใจใช้ความรุนแรงเพื่อแก้ไขปัญหา (ศิริพรรณ ธนันชัย และ จินตนา ยูนิพันธ์, 2562)
สอดคล้องกับข้อค้นพบของกัญญ์ฐิตา ศรีภาและธีวุฒิ นิลเพ็ชร์ (2563) หากแต่ชุมชนไม่มีการควบคุมทางสังคม
หรือจัดระเบียบในชุมชนให้เหมาะสม ยังคงมีแหล่งมั่วสุมอบายมุข และสิ่งยั่วยุต่าง ๆ ในชุมชนท าให้ยากที่จะ
ควบคุมไม่ให้เด็กและเยาวชนในชุมชนนั้นเกิดพฤติกรรมเบี่ยงเบนและใช้ความรุนแรงได้
พระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาและคุ้มครองสถาบันครอบครัว พ.ศ. 2562 มาตรา 4 บัญญัติไว้ว่า
ความรุนแรงในครอบครัว หมายความว่า การกระท าใด ๆ ที่บุคคลในครอบครัวได้กระท าต่อกันโดยเจตนาให้
เกิดหรือในลักษณะที่น่าจะก่อให้เกิดอันตรายแก่ชีวิต ร่างกาย จิตใจ สุขภาพ เสรีภาพ หรือชื่อเสียง ของบุคคล
ในครอบครัว หรือบังคับหรือใช้อ านาจครอบง าผิดคลองธรรมให้บุคคล ในครอบครัวต้องกระท าการ ไม่กระท า
การ หรือยอมรับการกระท าอย่างหนึ่งอย่างใดโดยมิชอบ ส าหรับมุมมองต่อระดับความรุนแรงในครอบครัว
สถาบันพระปกเกล้าและส านักงานสถิติแห่งชาติ (2562) พบปัญหาจากการส ารวจความคิดเห็นของประชาชน
ซึ่งประชาชนมักเคยเห็นคนในบ้านถูกท าร้ายโดยคนในบ้านเอง (รุนแรงทางกายภาพ เช่น ทุบ ตี ตบ และเตะ)
และเป็นผู้ที่เคยท าร้ายหรือถูกท าร้ายร่างกายในบ้านของตัวเอง (รุนแรงทางกายภาพ เช่น ทุบ ตี ตบ และเตะ)
โดยความรุนแรงในครอบครัวของประเทศไทยที่เพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคนไทยส่วนใหญ่ไม่นิยมแจ้งความ
เมื่อพบหรือประสบกับความรุนแรงในครอบครัว โดยมีเพียง 17% เท่านั้นที่กล้าออกมาเปิดเผยเรื่องราวและร้อง
ขอความช่วยเหลือ ซึ่งเรื่องนี้ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ได้เปิดเผยเหตุผลส่วนใหญ่ที่ผู้หญิงในฐานะที่เป็น
ผู้ถูกกระท าต้องทนต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้นในครอบครัว 5 ข้อด้วยกัน
1. ความรักความผูกพัน หลังก่อความรุนแรงฝ่ายชายมักจะขอโอกาสเพื่อกลับตัวและจะไม่ใช้ความ
รุนแรงอีก ด้วยความรักความผูกพันที่มีให้จึงยอมที่จะทน หวังว่าฝ่ายชายจะปรับปรุงตัว
2. อดทนเพื่อลูก ฝ่ายหญิงมักจะคิดว่าถ้าลูกไม่มีพ่อ ลูกจะมีปมด้อย ขาดความอบอุ่น ส่งผลต่อการ
ด าเนินชีวิตของลูกในอนาคต
3. พยายามรักษาความเป็นครอบครัว ด้วยสภาพสังคมที่ปลูกฝังความเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ ซึ่ง
ต้องประกอบไปด้วย พ่อ แม่ ลูก ท าให้ผู้หญิงต้องยอมอดทนต่อความรุนแรง
4. คิดว่าความรุนแรงเป็นเรื่องส่วนตัว ค่านิยมที่ว่า ไฟในอย่าน าออก ไฟนอกอย่าน าเข้า เป็นอีกหนึ่ง
เหตุผลที่ท าให้ผู้หญิงอดทนต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้น
5. ปัญหาเศรษฐกิจ ผู้หญิงหลายคนเมื่อแต่งงานมีลูกแล้ว ลาออกจากงานเพื่อมาดูแลลูก เมื่อเกิดความ
รุนแรงขึ้นในครอบครัว หากจะเลิกรากับสามีก็กลัวจะไม่มีงานท า ไม่มีเงินเลี้ยงดูตัวเองและลูก จึงต้องทนต่อ
ความรุนแรง