Page 89 - 22825_Fulltext
P. 89

2-49



                  เกณฑ์การให้คะแนน  ผสมผสานจากแนวคิดทั้งสันติภาพเชิงลบและสันติภาพเชิงบวก  โดยมีการแบ่งตัวชี้วัด
                  ออกเป็น 4 ด้านหลัก ประกอบด้วย 1. การไม่มีความรุนแรงทางกายภาพ 2. ความมั่นคงและปลอดภัยในสังคม

                  3. การยอมรับความหลากหลาย/การไม่เลือกปฏิบัติ/การเคารพสิทธิมนุษยชน 4. มีความเหลื่อมล้ าในสังคมน้อย
                  และมีการกระจายทรัพยากรที่เป็นธรรม  และมีตัวชี้วัดย่อย 23 ตัวชี้วัด  ข้อมูลที่น ามาใช้  มีทั้งข้อมูลทุติยภูมิจาก

                  หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และข้อมูลปฐมภูมิจากการส ารวจทั่วประเทศ  การเก็บข้อมูลมีทั้งระดับประเทศและระดับ
                  จังหวัด  จากผลการศึกษาพบว่า  ระดับดัชนีสันติภาพของประเทศไทยส าหรับปี  พ.ศ.  2562  มีค่าเท่ากับ  3.36
                  คะแนน  ถือว่าอยู่ในระดับปานกลาง    ในส่วนของคะแนนดัชนีย่อยทั้ง  4  ด้าน    คือ  P1  ไม่มีความรุนแรงทาง

                  กายภาพ ปี พ.ศ. 2562 (3.64) P2 ความปลอดภัยและความมั่นคงในสังคม ปี 2562 (3.06)  P3การยอมรับความ
                  หลากหลาย/การไม่เลือกปฏิบัติ/การเคารพสิทธิมนุษยชน ปี พ.ศ. 2562 (3.38) P4 มีความเหลื่อมล้ าในสังคม

                  น้อยและมีการกระจายทรัพยากรที่เป็นธรรม  ปี  2562  (3.36)  ด้านที่มีค่าคะแนนสันติภาพต่ าสุดคือ  ความ
                  ปลอดภัยและความมั่นคงในสังคม  ส่วนด้านที่ได้คะแนนมากที่สุด คือ การไม่มีความรุนแรงทางกายภาพ (ชลัท

                  ประเทืองรัตนา และเกียรติอนันต์ ล้วนแก้ว, 2562)

                           องค์ความรู้ด้านสันติภาพในระดับชุมชนพิจารณาได้จาก รายงานการถอดบทเรียนสันติภาพในชุมชน
                  โดยนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรขั้นสูงการเสริมสร้างสังคมสันติสุข รุ่นที่ 4 (4ส4) ได้ศึกษารูปแบบ

                  สันติภาพ (Peace model)ในสังคมพหุวัฒนธรรม โดยก าหนดพื้นที่ชุมชนที่มีความแตกต่างแต่อยู่ร่วมกันอย่าง
                  สันติสุข ได้แก่ พื้นที่ชุมชนกุฎีจีน เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร ชุมชนคลองตะเคียน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
                  และชุมชนเทศบาลต าบลก าแพง อ าเภอละงู จังหวัดสตูล สรุปเป็นข้อค้นพบคือ ปัจจัยที่ท าให้เกิดสันติภาพใน

                  ชุมชนที่แตกต่างในพื้นที่ตัวอย่าง 3 พื้นที่ คือ พื้นที่ชุมชนกุฎีจีน เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร ชุมชนคลอง
                  ตะเคียน จังหวัดพระนครศรีอยุธยาและชุมชนเทศบาลต าบลก าแพง อ าเภอละงู จังหวัดสตูล พบว่าปัจจัยที่
                  ส าคัญ 13 ประการที่น าไปสู่ความส าเร็จในการอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ คือ ประวัติศาสตร์ชุมชน ชาติพันธุ์ พหุ
                  ลักษณ์ พหุวัฒนธรรม อาชีพชุมชน ข้อก าหนดของชุมชน การสื่อสาร การเจรจา ศาสนา โครงสร้างทางสังคม
                  เจตคติ ผู้น าและการใช้ทรัพยากร เมื่อเปรียบเทียบรูปแบบสันติภาพของ 3 พื้นที่ คือ พื้นที่ชุมชนกุฎีจีน เขต

                  ธนบุรี กรุงเทพมหานคร ชุมชนคลองตะเคียน จังหวัดพระนครศรีอยุธยาและชุมชนเทศบาลต าบลก าแพงอ าเภอ
                  ละงู จังหวัดสตูล พบประเด็นความแตกต่าง ดังนี้ สันติสุขของชุมชนกุฎีจีน คือ คนทั้ง 3 ศาสนาอยู่ร่วมกันอย่าง
                  สงบสุข โครงสร้างทางสังคมของชาวคริสต์ที่มีความมั่นคงและสืบทอดอาชีพดั้งเดิมมีความร่วมมือในกิจกรรม

                  ของชุมชน ในขณะที่สันติสุขของชุมชนคลองตะเคียน คือ การมีเวทีกิจกรรมภาครัฐที่เข้มแข็ง มีความร่วมมือใน
                  กิจกรรมของชุมชน ประวัติศาสตร์ชุมชนที่ยาวนาน โครงสร้างทางสังคมของชุมชนที่มั่นคง การจัดสรรทรัพยากร
                  และสิ่งแวดล้อมที่เป็นธรรม แม้จะมีชาติพันธุ์ของคนในชุมชนที่แตกต่างและเป็นสังคมพหุวัฒนธรรม ในขณะที่
                  สันติสุขในชุมชนเทศบาลต าบลก าแพงอ าเภอละงู จังหวัดสตูล ก็มีปัจจัยเช่นเดียวกันกับในชุมชนคลองตะเคียน

                           นอกจากนี้ องค์ความรู้ด้านสันติภาพในระดับชุมชน พิจารณาได้จากบทความวิจัยของ
                  ขันทอง วัฒนะประดิษฐ์ ได้น าเสนอแนวทางการสร้างสันติภาพและพัฒนาชุมชน สันติสุขในพุทธศตวรรษที่ 26

                  โดยศึกษาถอดบทเรียนการจัดการความขัดแย้งของชุมชนต้นแบบ 3 แห่ง ได้แก่ ชุมชนแพรกหนามแดง ชุมชน
                  หมู่บ้าน ท่าคอยนาง ชุมชนย่านกะดีจีน ใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพแบบภาคสนาม เครื่องมือวิจัยที่ใช้คือ การ
                  สัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้ให้ข้อมูลส าคัญ 30 คนและการสังเกตการณ์อย่างไม่มีส่วนร่วม การศึกษาถอดบทเรียนจาก

                  ชุมชนทั้ง 3  ท าให้ได้องค์ความรู้ 5 มิติส าคัญในกระบวนการสันติภาพ และสันติสุขในชุมชน ได้แก่ 1. มิติด้าน
                  กายภาพได้แก่ การมีเศรษฐกิจชุมชนเข้มแข็งพึ่งพาตนเองได้บนวิถีความพอเพียงเป็นต้น 2. มิติด้านสังคม ได้แก่
   84   85   86   87   88   89   90   91   92   93   94