Page 32 - 22816_Fulltext
P. 32

9





                            การสานเสวนา สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ทั้งในด้านการจัดการความขัดแย้งที่เกิดขึ้นแล้ว
                     รวมถึงป้องกันความขัดแย้งที่จะเกิดขึ้นด้วยการมาร่วมกันกำหนดทิศทางในอนาคตร่วมกัน

                     การสานเสวนาเป็นกระบวนการรับฟังซึ่งกันและกัน และการพยายามทำความเข้าใจคนอื่นมากกว่าที่จะ

                     มาพยายามหักล้างหรือมุ่งเอาชนะ เน้นแสวงหาความร่วมมือจากหลาย ๆ ฝ่าย เป็นการเปิดมุมมอง
                     ทบทวนจุดยืนของตนเอง การสานเสวนาจะนำไปสู่การสร้างความสัมพันธ์ที่ดี จากการรับรู้ถึง

                     ความเจ็บปวดซึ่งกันและกันเพราะเมื่อเกิดการยอมรับอีกฝ่าย ก็จะเกิดการเปิดใจนำไปสู่ความสัมพันธ์
                     ที่ดีได้ การสานเสวนามีความแตกต่างจากการไกล่เกลี่ยคนกลางตรงที่ไม่ได้เน้นที่การได้ข้อตกลง

                     หรือเกิดบันทึกข้อตกลงเพื่อให้เกิดสภาพบังคับ แต่เป็นการเน้นปรับเปลี่ยนความสัมพันธ์ที่แตกร้าว

                     ระหว่างคู่กรณีให้ฟื้นคืนกลับมาใกล้เคียงกับก่อนมีความขัดแย้ง

                            การไกล่เกลี่ยโดยคนกลาง ความสำเร็จในการไกล่เกลี่ยโดยคนกลางในสถานศึกษาพิจารณา

                     ได้จากหลายแง่มุม เช่น กรณีความขัดแย้งน้อยลง มีกระบวนการได้พูดคุยกันมากขึ้น ผลลัพธ์ความพึง
                     พอใจ การพัฒนาภาวะผู้นำของผู้ไกล่เกลี่ย และความยั่งยืนในการทำงาน ปัจจัยที่นำไปสู่ความสำเร็จใน

                     การไกล่เกลี่ยโดยคนกลางในสถานศึกษามีหลายปัจจัย ประกอบด้วย คนกลางมีองค์ความรู้ ทักษะและ
                     คุณสมบัติที่สำคัญในการทำให้การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทประสบความสำเร็จ คู่กรณีและผู้เกี่ยวข้อง ควรมี

                     ลักษณะที่พึงประสงค์ มีการสร้างความสัมพันธ์และความไว้วางใจ บริบทสภาพแวดล้อม รวมทั้งเรื่อง

                     กฎหมาย กฎระเบียบ และมิติของวัฒนธรรม มีทรัพยากรที่เพียงพอทั้งบุคคลและระบบ มีการเผยแพร่
                     ความรู้และการเรียนรู้

                            สำหรับยุทธิวิธีที่ใช้มี 3 วิธีคือ 1. แบบอำนวยความสะดวก เป็น “คุณอำนวย” เช่น จัดห้อง

                     จัดสถานที่ ให้มีบรรยากาศที่ดี เกิดความรู้สึกอยากพูดคุยกัน โดยคนกลางจะไม่ชี้ขาดหรือเข้าไปตัดสิน

                     ในเนื้อหาที่ขัดแย้งกันอยู่ อีกวิธีคือวิธี 2. แบบผู้ประเมิน “คุณอำนาจ” คนกลางจะมีความเชี่ยวชาญ
                     ในเนื้อหาและอาจชี้บอกว่าใครได้เปรียบเสียเปรียบ และ 3. การไกล่เกลี่ยแบบแปลงเปลี่ยน เน้นที่คุณค่า

                     ของการเสริมพลังให้กับคู่กรณี การตระหนักถึงการดำรงอยู่ ความต้องการ ความจำเป็น มุมมองของอีกฝ่าย

                     เน้นไปที่การแปลงเปลี่ยนสัมพันธภาพ ให้เกิดสัมพันธ์อันดีต่อกันของคู่กรณี การจะเลือกใช้วิธีการใด
                     ในการไกล่เกลี่ย ขึ้นอยู่กับ 1. ความสัมพันธ์ระหว่างคู่กรณี 2. บริบทของความขัดแย้ง 3. ประวัติศาสตร์

                     ที่ผ่านมา 4. ความเข้มข้นของความขัดแย้งว่ามากหรือน้อย 5. ประเภทความขัดแย้งเป็นประเด็นคุณค่า
                     อุดมการณ์ ซึ่งไกล่เกลี่ยได้ยากกว่าขัดแย้งในเรื่องข้อมูลที่แตกต่าง 6. ตำแหน่งและอัตลักษณ์ของ

                     ผู้ไกล่เกลี่ย เป็นผู้ไกล่เกลี่ยที่ได้รับแต่งตั้งจากรัฐ หรือองค์การพัฒนาเอกชน มีชื่อเสียงหรือไม่

                     อย่างไรก็ตาม ในการไกล่เกลี่ยโดยคนกลางก็อาจจะผสมผสานทั้ง 3 แนวทางนี้ได้

                            เครื่องมือและทักษะที่จำเป็นของคนกลางคือการสื่อสาร ทักษะของคนกลางในการสื่อสาร
                     ที่สำคัญ ประกอบด้วย การฟังอย่างตั้งใจซึ่งเป็นการให้ความใส่ใจต่อผู้พูดอย่างเต็มที่ การกล่าวทวน

                     การถามคำถาม การสลับบทบาทหรือเอาใจเขามาใส่ใจเรา และการปรับเปลี่ยนมุมมอง การฟังอย่างตั้งใจ

                     ก็จะทำให้คู่กรณีอยากพูดคุยและเล่าเรื่องราวให้ฟัง การกล่าวทวนเนื้อหาและอารมณ์ของคู่กรณีได้
   27   28   29   30   31   32   33   34   35   36   37