Page 37 - 22816_Fulltext
P. 37

14





                     ความขัดแย้งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเสมอและไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เมื่อมนุษย์มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน
                     การจัดการความขัดแย้งที่ดีต้องเริ่มจากการวิเคราะห์ความขัดแย้งอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ

                     2. ความรุนแรง เมื่อเกิดความขัดแย้งขึ้นไม่จำเป็นต้องนำไปสู่ความรุนแรง ความรุนแรงมิใช่ผลของ

                     ความขัดแย้ง แต่เป็นวิธีที่มนุษย์เลือกใช้ กล่าวคือจะเลือกใช้วิธีการเจรจา พูดคุยหรือวิธีที่ใช้ความรุนแรง
                     ความรุนแรงแบ่งได้เป็นความรุนแรงทางกายภาพ ความรุนแรงเชิงโครงสร้างและวัฒนธรรม

                     3. การสร้างความสมานฉันท์ ภายหลังจากเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้น จำเป็นต้องมีกระบวนการ
                     ในการสร้างความสมานฉันท์เพื่อเยียวยาความรู้สึก อารมณ์ ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น ด้วยวิธีการ

                     ที่เน้นโครงสร้าง การตั้งกลไกขึ้นมาดำเนินการ รวมถึงการเน้นการสร้างความสัมพันธ์เพื่อนำไปสู่

                     การให้อภัยซึ่งกันและกัน สำหรับการเยียวยาผู้สูญเสียสามารถกระทำได้ในหลายวิธี เช่น การขอโทษ
                     การจ่ายค่าชดเชย การยอมรับความผิด การแสดงความรับผิดชอบและให้คำมั่นว่าจะไม่กระทำผิดซ้ำอีก

                     เป็นต้น 4. การสานเสวนา สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ทั้งในด้านการจัดการความขัดแย้งที่เกิดขึ้นแล้ว

                     รวมถึงป้องกันความขัดแย้งที่จะเกิดขึ้นด้วยการมาร่วมกันกำหนดทิศทางในอนาคตร่วมกัน
                     การสานเสวนาเป็นกระบวนการรับฟังซึ่งกันและกัน และการพยายามทำความเข้าใจคนอื่นมากกว่า

                     ที่จะมาพยายามหักล้างหรือมุ่งเอาชนะ เน้นแสวงหาความร่วมมือจากหลาย ๆ ฝ่าย 5. การไกล่เกลี่ย

                     โดยคนกลาง ความสำเร็จในการไกล่เกลี่ยโดยคนกลางในสถานศึกษาพิจารณาได้จากหลายแง่มุม
                     เช่น กรณีความขัดแย้งน้อยลง มีกระบวนการได้พูดคุยกันมากขึ้น ผลลัพธ์ความพึงพอใจ การพัฒนา

                     ภาวะผู้นำของผู้ไกล่เกลี่ย และความยั่งยืนในการทำงาน ปัจจัยที่นำไปสู่ความสำเร็จในการไกล่เกลี่ย
                     โดยคนกลางในสถานศึกษามีหลายปัจจัย ประกอบด้วย คนกลางมีองค์ความรู้ ทักษะและคุณสมบัติ

                     ที่สำคัญในการทำให้การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทประสบความสำเร็จ คู่กรณีและผู้เกี่ยวข้อง ควรมีลักษณะ

                     ที่พึงประสงค์ มีการสร้างความสัมพันธ์และความไว้วางใจ บริบทสภาพแวดล้อม รวมทั้งเรื่องกฎหมาย
                     กฎระเบียบ และมิติของวัฒนธรรม มีทรัพยากรที่เพียงพอทั้งบุคคลและระบบ มีการเผยแพร่ความรู้

                     และการเรียนรู้ 6. สันติวัฒนธรรม (Culture of Peace) สถาบันการศึกษาเป็นหน่วยงาน ที่มีหน้าที่
                     ในการถ่ายทอดความรู้ วัฒนธรรมและทักษะอันจำเป็นในการดำรงชีพของสมาชิกในสังคม อีกทั้ง ทำให้

                     สามารถปรับตนในการติดต่อสัมพันธ์กับบุคคลอื่นและปฏิบัติตนให้มีคุณค่าแก่สังคม สหประชาชาติได้

                     นิยามความหมายของสันติวัฒนธรรมไว้ว่า เกี่ยวข้องกับคุณค่า ทัศนคติ พฤติกรรม วิถีชีวิตที่ปฏิเสธ
                     การใช้ความรุนแรง และป้องกันความขัดแย้งไม่ให้ขยายตัวกลายเป็นความรุนแรง โดยจัดการที่รากเหง้า

                     ของปัญหาด้วยการพูดคุย นอกจากนี้ ยังรวมถึง แนวทางการประพฤติปฏิบัติในการอยู่ร่วมกันของ

                     สมาชิกในสังคม บนหลักการพื้นฐานของความเมตตากรุณา และความเข้าใจ แนวทางในการสร้าง
                     สันติวัฒนธรรมทำได้หลายแนวทางทั้งเชิงโครงสร้าง สภาพแวดล้อม ทัศนคติผ่านโครงการและกิจกรรม

                     ที่เป็นรูปธรรม
   32   33   34   35   36   37   38   39   40   41   42