Page 110 - 22816_Fulltext
P. 110

87





                     ดังนั้น ผลสำเร็จของนโยบายหรือโครงการใดๆ จะละเลยหรือขาดการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสียไป
                     มิได้ การมีส่วนร่วมด้วยการปรึกษาหารือเป็นสิ่งที่พึงปรารถนาด้วยกระบวนการที่ดี และจะนำมา

                     ซึ่งผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ นอกจากนี้ การพัฒนารูปแบบที่เหมาะสมในการสร้างสันติวัฒนธรรม

                     ในสถานศึกษา สอดคล้องกับงานของพระปราโมทย์ วาทโกวิโท (2564) ที่กล่าวถึงหลักสูตรที่มีคุณภาพ
                     ต้องมีการพัฒนาอย่างเป็นระบบจะทำให้เกิดรูปแบบที่ดีได้ โดยควรมีจุดมุ่งหมาย เนื้อหา รูปแบบ

                     การอบรมที่มีความยืดหยุ่น เน้นการมีส่วนร่วมและการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และลงมือปฏิบัติ

                            ผลจากการวิจัยวัตถุประสงค์ที่ 2 นำรูปแบบการสร้างสันติวัฒนธรรมในสถานศึกษา

                     ไปประยุกต์ด้วยการอบรมผู้บริหาร คณาจารย์ในสถานศึกษา ผลจากแบบสอบถามพบว่า ผู้เข้ารับ
                     การอบรมได้รับความรู้เพิ่มมากขึ้นจากการวัดผลก่อนและหลังอย่างมีนัยสำคัญ และจากแบบสำรวจ

                     ทัศนคติพบว่าผู้เข้ารับการอบรมมีทัศนคติที่เอื้อ และส่งเสริมสันติวัฒนธรรมอย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน

                     นอกจากผลเชิงบวกในห้องเรียนแล้ว สิ่งสำคัญคือ ภายหลังจากอบรมเสร็จสิ้น เกิดความยั่งยืนด้วยการ
                     มีกลไกที่เป็นรูปธรรม และเกิดการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างคนที่แตกต่างกัน กลไกที่มีความยั่งยืน

                     นอกจาก โครงการที่จัดในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2565 แล้ว ผู้บริหารแต่ละสถานศึกษายังมีการ
                     ผลักดันให้ผู้นำนักศึกษา เช่น สภานักเรียน ดำเนินโครงการด้านสันติวัฒนธรรมในปีต่อไปอย่างต่อเนื่อง

                     สอดคล้องกับงานของ Bercovitch ที่เห็นว่าความยั่งยืนจะเกิดขึ้นได้ ต้องเน้นการจัดการกับปัญหาความ

                     รุนแรงด้วย การเน้นแก้ปัญหาทั้งโครงสร้างและสถาบัน (Structures and Institution) และการสร้าง
                     ความสัมพันธ์ (Relationships) (Bercovitch et al., 2009) กล่าวคือ ด้วยการสร้างหรือจัดตั้งสถาบัน

                     ขึ้นมาเพื่อลดมุมมองด้านลบต่อกัน และวิธีเน้นการสร้างความสัมพันธ์ เพื่อเปลี่ยนแปลงความเชื่อ
                     ทัศนคติ อารมณ์ร่วมกันระหว่างผู้คนในสังคม ซึ่งจะนำไปสู่ความยั่งยืน


                              จากการวิเคราะห์บริบท สภาพปัญหาแต่ละสถานศึกษาทั้งในระดับมหาวิทยาลัย อาชีวศึกษา
                     และมัธยมศึกษา ทำให้ค้นพบว่าแต่ละสถาบันมีความขัดแย้ง แนวทางการแก้ไขและการขับเคลื่อน

                     กิจกรรมที่แตกต่างกัน สอดคล้องกับที่ ศศิรัศม์ วีระไวทยะ (2554) ได้กล่าวถึง การวิเคราะห์บริบท

                     สภาพปัญหาแต่ละพื้นที่ และวิเคราะห์ศักยภาพเครือข่ายเป็นสิ่งสำคัญ จะทำให้เข้าใจว่าใคร หรือ
                     องค์ประกอบใดที่มีอิทธิพลหรือมีบทบาทต่อการแสดงพฤติกรรมของนักเรียน ทั้งเชิงบวกและเชิงลบ

                     จะทำให้สถานศึกษาทราบว่าเครือข่ายใดจะเป็นแกนนำของเครือข่ายในการสร้างให้เกิดสันติวัฒนธรรม
                     ในสถานศึกษา โดยแต่ละเครือข่ายจะมี node หรือศูนย์กลางของเครือข่าย ที่อาจเกิดจากการแต่งตั้ง

                     และเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ บุคคลเหล่านี้จะเป็นตัวนำการเปลี่ยนแปลง

                            การอบรมที่ผ่านมายังสอดคล้องกับที่ UNESCO (2007) ได้เสนอสิ่งจำเป็นในการสร้างสันติ

                     วัฒนธรรมว่าประกอบด้วยหลายด้าน เศรษฐกิจ ประชาธิปไตย สังคม ด้านสิทธิมนุษยชน ความเท่าเทียม
                     ระหว่างเพศ รวมถึงด้านการศึกษาด้วยการการปลูกฝังวัฒนธรรมสันติภาพ/สันติวัฒนธรรมผ่านระบบ

                     การศึกษา (Foster  a Culture of Peace through Education) โดยการปรับปรุงหลักสูตรการศึกษา

                     ให้มีเนื้อหาในการกระตุ้นให้เกิดคุณค่า ทัศนคติ และพฤติกรรมเกี่ยวกับสันติภาพ ซึ่งประกอบด้วย
   105   106   107   108   109   110   111   112   113   114   115