Page 113 - 22816_Fulltext
P. 113

90





                     ที่เป็นรูปธรรมในสถาบันการศึกษา และเกิดการสร้างความสัมพันธ์ทั้งภายในสถาบันและระหว่างคน
                     ที่แตกต่างกันกับชุมชนอื่น สันติวัฒนธรรมในสถานศึกษาจึงไม่ได้เกิดขึ้นแต่เพียงในห้องเรียนเท่านั้น

                     แต่ยังเกิดภายนอกห้องเรียนและขยายพื้นที่ออกไปอีกด้วย สิ่งที่พึงระวังคือ การนำ TUNA ACT Model

                     ไปประยุกต์ใช้ในแต่ละสถานศึกษา จำเป็นต้องคำนึงถึงสภาพแวดล้อม บริบทที่แตกต่างกัน การจะส่งต่อ
                     หรือขับเคลื่อน TUNA ACT Model ให้ประสบความสำเร็จขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยทั้งภายในและภายนอก

                     สถาบัน รวมถึงความมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้เกิดผลสำเร็จ อันจะนำไปสู่การอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
                     เห็นคุณค่าของกันและกันและ สามารถลดความรุนแรงทุกระดับทั้งทางกาย วาจา ใจ


                     5.3 ข้อเสนอแนะ

                            จากผลการวิจัย ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะ ดังนี้

                            5.3.1 ข้อเสนอแนะในการนำผลวิจัยไปใช้

                                    1) คณะรัฐมนตรี/ผู้กำหนดนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา เช่น กระทรวงศึกษาธิการ

                     กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม อาจพิจารณาผลักดันเรื่องสันติวัฒนธรรม
                     ให้เกิดขึ้นในสถานศึกษาในทุกระดับทั้งระดับมหาวิทยาลัย มัธยมศึกษา อาชีวศึกษา และประถมศึกษา

                     โดยตั้งกลไกให้มีผู้รับผิดชอบงานดังกล่าว อาจเป็นในรูปแบบของ คณะกรรมการ คณะทำงานส่งเสริม

                     สันติวัฒนธรรม และจัดให้มีการฝึกอบรม มีการเรียนการสอนที่สอดแทรกหลักสูตรด้านสันติวัฒนธรรม
                     ในทุกสถาบัน โดยอาจเริ่มจากพัฒนาผู้บริหาร ผู้สอน และให้ผู้สอนผลักดันสู่นักเรียน นักศึกษา

                     ในสถานศึกษาของตนเองต่อไป

                                    2) การนำรูปแบบการสร้างสันติวัฒนธรรมในสถานศึกษา ไปประยุกต์ด้วยการอบรม

                     ผู้บริหาร คณาจารย์ในสถานศึกษานำร่อง เพื่อให้เกิดสันติวัฒนธรรมในสถานศึกษาอย่างยั่งยืนทำได้
                     หลากหลายวิธี ทั้งโดยการปรับปรุงหลักสูตร การทำโครงการ กิจกรรมที่ต่อเนื่อง สถาบันการศึกษาต่าง ๆ

                     จึงควรมีทั้งกลไก และการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้เกี่ยวข้องควบคู่กันไป ไม่สามารถทำสิ่งใด

                     สิ่งหนึ่งโดยละเลยอีกสิ่งหนึ่งได้ หากมีแต่กลไก คณะกรรมการ แต่ไม่มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้เกี่ยวข้อง
                     ก็จะไม่เกิดประสิทธิผลสูงสุดในการขับเคลื่อนสันติวัฒนธรรม

                                    3) จากข้อค้นพบว่าการพัฒนารูปแบบที่เหมาะสมในการสร้างสันติวัฒนธรรม

                     ในสถานศึกษานำร่อง ด้วย Tuna Act Model มาจากการปรึกษาหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน

                     และมีกระบวนการที่เหมาะสม ดังนั้น สถาบันพระปกเกล้าและสถาบันการศึกษาที่เกี่ยวข้อง ควรมีการ
                     ปรึกษาหารือกันอย่างสม่ำเสมอ และมีผู้มีส่วนได้เสียเข้ามาอย่างครบถ้วน รอบด้าน เพื่อให้ได้สิ่งที่เกิด

                     ประโยชน์สูงสุดในการขับเคลื่อนสันติวัฒนธรรม
   108   109   110   111   112   113   114   115   116   117   118