Page 65 - 22665_Fulltext
P. 65

48


                       ไม่มีความผูกพันกันแบบคนในชุมชน ไม่มีความสัมพันธ์ต่อกันแบบสังคมดังกล่าวเป็น (ความสัมพันธ์
                       แบบแนวตั้ง) ในอินโดนีเซียจะมีวัฒนธรรมการเมืองแบบผู้น า ที่ตกทอดมาจากยุคอาณานิคมถึง

                       ปัจจุบัน อ านาจการมเองถูกบริหารโดยกลุ่มผู้น าบางกลุ่ม วัฒนธรรมแบบล าดับชั้นตกทอดมาสู่อิน

                       โดนนีเซียและชวา ท าให้ผู้น าอาจไม่รู้สึกที่จะให้คนมีความเท่าเทียมกันในกระบวนการเนื่องจากสถานะ
                       ของคนไม่เท่าเทียมกัน ท าให้กระทบต่อกระบวนการที่จะมีความเหลื่อมล้ าตามมาได้ และบริบทของ

                       ความเหลื่อมล้ าดังกล่าว บางครั้งมูชาเวาเราะห์อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือและเป็นไปเพื่อตอนสนองต่อ

                       การชี้น าของกลุ่มผู้น า มูชาวาเราะห์แท้ ๆ อาจถูกแทรกแซงได้โดยกลุ่มผู้น า (Nicholson, 2010, pp
                       .151-153)

                                  2.5.2 การไกล่เกลี่ยแบบมูชาวาเราะห์ของไทย
                                  การจัดการความขัดแย้งในชุมชนมุสลิมมีทั้งการป้องกันและการแก้ไขความขัดแย้ง โดย

                       ชุมชนมุสลิมมีโครงสร้างทางสังคมที่มีความเชื่อมโยงอ้างอิงอยู่บนพื้นฐานของหลักค าสอนของศาสนา
                       อิสลาม ส าหรับการป้องกันความขัดแย้งนั้นชุมชนมุสลิมใช้การ “อีบาดะฮฺ” ซึ่งเป็นการประกอบคุณ

                       งามความดีโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อถวายแด่พระผู้เป็นเจ้ามาใช้ในการผูกโยงความสัมพันธ์ของสมาชิกใน

                       ชุมชนบนพื้นฐานของความเป็นพี่น้องในอิสลามเพื่อป้องกันความขัดแย้ง  นอกจากนี้ ชุมชนมุสลิมมี
                       “มูชาวาเราะฮฺ” ซึ่งเป็นกระบวนการปรึกษาหารือเรื่องราวต่าง ๆ เพื่อหาทางออกหรือแนวทางส าหรับ

                       การด าเนินกิจกรรมในชุมชนรวมทั้งการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งต่างๆ โดยมีสภาชูรอหรือสภามูชาวา

                       เราะฮฺ คอยให้ค าปรึกษาบนพื้นฐานบทบัญญัติของศาสนาอิสลามเป็นส าคัญ  ลักษณะเด่นของ
                       กระบวนการมูชาวาเราะฮฺ ที่น่าสนใจคือ เป็นกระบวนวิธีในการจัดการความขัดแย้งที่เน้นการ

                       ประนีประนอมคู่กรณีทั้งสองฝ่ายและจะพยายามให้เรื่องราวความขัดแย้งจบลงภายในชุมชน และไม่มี
                       การก าหนดอัตราโทษของความผิด ทั้งยังไม่มีการก าหนดรูปแบบที่แน่นอนตายตัว โดยมีลักษณะ

                       ยืดหยุ่นไปตามสถานการณ์ของแต่ละกรณีความขัดแย้ง นอกจากนี้ยังมีลักษณะข้ามมิติของเวลาและ
                       ข้ามภพข้ามชาติ ในกรณีที่ผู้กระท าผิดไม่คืนสิทธิของผู้เสียหายที่ตนได้ละเมิดก็จะต้องมีการชดใช้หรือ

                       รับโทษในวันแห่งการตอบแทนในโลกหน้าตามความเชื่อทางศาสนาอิสลาม ซึ่งจากความเชื่อนี้ถือเป็น

                       ทุนทางสังคมที่ส าคัญในการสร้างความสมานฉันท์ให้กับคู่กรณีที่ขัดแย้ง  อย่างไรก็ตาม กระบวนการ
                       จัดการความขัดแย้งเชิงสมานฉันท์ในชุมชนมุสลิม กลับพบว่ามีปัญหาเมื่ออีหม่ามหรือคณะกรรมการ

                       ชุมชนท าการประนอมข้อพิพาทในกรณีใดแล้ว ไม่มีกฎหมายบังคับให้หน่วยงานราชการหรือคู่กรณี

                       ต้องปฏิบัติตามมติดังกล่าว ท าให้ไม่สามารถน ามติหรือค าตัดสินชี้ขาดของอิหม่ามหรือคณะกรรมการ
                       ชุมชนไปจดทะเบียนท านิติกรรมต่าง ๆ ได้ เช่น กรณีของการแบ่งมรดก ถึงแม้อิหม่ามท าการแบ่งมรดก

                       ตามหลักกฎหมายอิสลามและทายาททุกฝ่ายก็มีความพอใจ แต่เมื่อไปติดต่อขอท านิติกรรมกับ
                       ส านักงานที่ดินซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐ กลับมีปัญหาต้องน ากรณีดังกล่าวขึ้นศาลเพื่อให้ออกมาเป็นค า

                       พิพากษาของศาลก่อน จึงจะสามารถท านิติกรรมได้ (มูฮัมหมัดรอฟีอี มูซอ, 2549, น. 29)
   60   61   62   63   64   65   66   67   68   69   70