Page 64 - 22665_Fulltext
P. 64

47


                       อนุญาโตตุลาการตามกฎหมายว่าด้วยอนุญาโตตุลาการ ในกรณีที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ปฏิบัติตามสัญญา
                       ประนีประนอมยอมความ ให้คู่กรณีอีกฝ่ายยื่นค าร้องต่อพนักงานอัยการ ให้พนักงานอัยการด าเนินการ

                       ยื่นค าร้องต่อศาลที่มีเขตอ านาจ ให้ออกค าบังคับให้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าว

                       ตัวน ากฎหมายว่าด้วยอนุญาโตตุลาการมาใช้บังคับโดยอนุโลม ข้อจ ากัดที่เกิดขึ้นเช่น ปลัดอ าเภอที่
                       ได้รับมอบหมายให้ท าหน้าที่ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทมีภาระงานมาก และผู้ใช้บริการบางส่วนเห็นว่ายุ่งยาก

                       ใช้เวลาเดินทางในการใช้บริการไกล่เกลี่ยที่อ าเภอ

                                  การไกล่เกลี่ยภาคประชาชน ตามพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ. 2562 ได้
                       บังคับใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 กฎหมายดังกล่าวแบ่งหน่วยงานที่ไกล่

                       เกลี่ยข้อพิพาทได้เป็นสามกลุ่ม คือ หน่วยงานรัฐ พนักงานสอบสวน และภาคประชาชน ซึ่งกฎหมายได้
                       ให้อ านาจในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางแพ่งและอาญาไว้แตกต่างกัน แม้ว่าการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาค

                       ประชาชนจะมีทั้งสภาพบังคับหากไม่ปฏิบัติตาม ความเป็นวิชาชีพของคนกลางและงบประมาณ
                       สนับสนุนให้กับคนกลางและศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน  อย่างไรก็ตาม การไกล่เกลี่ยข้อ

                       พิพาทภาคประชาชนที่ต้องยึดตามกรอบของกฎหมายที่ให้อ านาจไว้ ท าให้การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาค

                       ประชาชนประสบกับความเป็นทางการของกฎหมาย และเกิดช่องว่างในการปฏิบัติงานทั้งจากความ
                       คาดหวังของประชาชนผู้มาใช้บริการ ผู้ก ากับดูแลกฎหมาย แม้กระทั่งตัวผู้ไกล่เกลี่ยเอง กฎหมายนี้จึง

                       เป็นทั้งโอกาส และข้อท้าทาย


                       2.5 การไกล่เกลี่ยในบริบทของศาสนาอิสลาม

                                  การไกล่เกลี่ยในบริบทของศาสนาอิสลาม เน้นที่การเข้าถึงความดีเพื่อตอบสนอง
                       ต่ออัลลอฮ อัลลอฮฺได้บัญญัติการประนีประนอมเพื่อผสานรอยร้าวระหว่างคู่พิพาท และท าให้การ

                       พิพาทหมดไป ส่งผลให้จิตใจดีขึ้น ความอาฆาตหมดไป เกิดความปรองดองกันระหว่างเพื่อนมนุษย์ ถือ
                       เป็นกุศลที่ยิ่งใหญ่ และความดีที่สูงส่ง

                                  2.5.1 การไกล่เกลี่ยแบบมูชาวาเราะห์ในบริบทของอินโดนีเซีย

                                        มูชาวาเราะห์ (Musyawarah) ในอินโดนีเซีย เป็นค ากว้างๆที่ใช้ในอินโดนีเซีย
                       เป็นคุณค่าของการประนีประนอม ฉันทมติ และวัฒนธรรมปรองดองในอินโดนีเซีย กระบวนการมูชา

                       วาเราะฮ์ มีการใช้กันในระดับหมู่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นการจัดการในระดับปัจเจกหรือระดับทั้งชุมชน

                       กระบวนการเป็นการสร้างความสามัคคี ปรองดอง มากกว่าการมาตัดสินถูกหรือผิด ฝ่ายที่สามมักเป็น
                       ที่เคารพในชุมชน เป็นผู้มีอาวุโส โดยมาท าหน้าที่หาความต้องการร่วมกันที่เกิดจากฉันทมติ ซึ่ง

                       สอดคล้องกับหลักการตะวันตกในด้านการหาสิ่งที่เหมือนๆกัน  แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือ มูชาวาเราะห์
                       ไม่ต้องการความเป็นกลาง  แต่ใช้บทบาทของเขาในการชี้น าการหารือกัน บริบทอื่นที่แตกต่างคือความ

                       เป็นชุมชนที่มีความผูกพันทางสังคม  “Social Tie” (ความสัมพันธ์แบบแนวนอน) ในทางสากลอาจจะ
   59   60   61   62   63   64   65   66   67   68   69