Page 58 - 22665_Fulltext
P. 58

41


                       คู่กรณีเองและเป็นการพูดคุยกันอย่างสร้างสรรค์ไม่ใช้อารมณ์ในการมาเผชิญหน้ากัน แต่ข้อจ ากัดก็มี
                       อยู่ เช่น คู่กรณีไม่อยากมาพูดคุยกับอีกฝ่าย แม้กระทั่งการขาดองค์ความรู้ที่เพียงพอในการศึกษาด้าน

                       นี้อย่างเป็นระบบ อีกทั้งข้อถกเถียงที่ยังไม่ตกผลึกว่าการไกล่เกลี่ยโดยคนกลางเป็นศาสตร์หรือเป็น

                       ศิลป์  ความเป็นศาสตร์คือมีขั้นตอนที่แน่นอนเป็นล าดับ ความเป็นศิลป์คือศิลปะเฉพาะตัวในการ
                       สื่อสารของผู้ไกล่เกลี่ย

                                  บทบาทหน้าที่ของคนกลางควรเน้นที่ความสมัครใจในการเข้าสู่กระบวนการ เมื่อเริ่มต้น

                       กระบวนการก็ควรให้คู่กรณีตัดสินด้วยตนเอง ช่วยให้คู่ไกล่เกลี่ยหาทางออกที่ตอบสนองความต้องการ
                       ของทุกฝ่าย อีกทั้งคนกลางควรท าหน้าที่อย่างเป็นกลางและรักษาความลับ ไม่น าความลับไปเปิดเผย

                       ให้อีกฝ่ายรู้ถ้าไม่ได้รับการยินยอมจากคู่กรณี ส าหรับยุทธิวิธีที่ใช้มี 2 วิธีคือแบบอ านวยความสะดวก
                       เป็น “คุณอ านวย” เช่น จัดห้อง จัดสถานที่ ให้มีบรรยากาศที่ดี เกิดความรู้สึกอยากพูดคุยกัน โดยคน

                       กลางจะไม่ชี้ขาดหรือเข้าไปตัดสินในเนื้อหาที่ขัดแย้งกันอยู่ อีกวิธีคือวิธีแบบผู้ประเมิน “คุณอ านาจ”
                       คนกลางจะมีความเชี่ยวชาญในเนื้อหาและอาจชี้บอกว่าใครได้เปรียบเสียเปรียบ แต่อาจใช้ตอนที่มีการ

                       แยกเจรจา กล่าวได้ว่าคนกลางจะเลือกใช้วิธีใดก็ขึ้นอยู่กับหลายๆปัจจัย หรือสามารถผสมผสานทั้ง 2

                       แนวทางนี้ก็ได้
                                  ทักษะของคนกลางในการสื่อสารที่ส าคัญ ประกอบด้วย การฟังอย่างตั้งใจ กล่าวทวน

                       การถามค าถาม การสลับบทบาทหรือเอาใจเขามาใส่ใจเรา และการปรับเปลี่ยนมุมมอง การฟังอย่าง

                       ตั้งใจก็จะท าให้คู่กรณีอยากพูดคุยและเล่าเรื่องราวให้ฟัง การกล่าวทวนเนื้อหาและอารมณ์ของคู่กรณี
                       ได้ถูกต้อง จะน าไปสู่ความพึงพอใจของคู่กรณี การตั้งค าถามที่ชัดเจนและเหมาะสม  จะได้รับข้อมูลที่

                       ถูกต้อง การเอาใจเขามาใส่ใจเรา จะท าให้คู่กรณีเข้าอกเข้าใจกันและกัน อีกทั้งการปรับเปลี่ยนมุมมอง
                       ด้านบวก เป็นการท าให้คู่กรณีคิดเชิงบวกต่อกัน อันน ามาสู่ความร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหา

                                  ปัจจัยที่น าไปสู่ความส าเร็จในการไกล่เกลี่ยโดยคนกลาง ประกอบด้วย 1) คนกลางที่มี
                       ความเป็นกลาง ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย มีความรู้ ทักษะ 2) คู่กรณี 3) ความสัมพันธ์และความไว้วางใจ 4)

                       บริบทสภาพแวดล้อมและ 5) ทรัพยากรที่เพียงพอ นักจัดการความขัดแย้ง ควรเข้าใจถึงภาพรวมที่จะ

                       ท าให้ความขัดแย้งลุล่วงไปได้ด้วยการไกล่เกลี่ย และน าไปประยุกต์ใช้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
                                  นอกจากนี้ยังรวมถึง 1. องค์กรในชุมชน (Community Organization) ดังที่ Nicholson

                       (2010 pp. 279-284) ได้ระบุไว้ว่าองค์กรในชุมชนเช่น องค์การพัฒนาเอกชน สามารถช่วยเสริมพลัง

                       เสริมองค์ความรู้ สร้างช่องทางในการสื่อสารกับสื่อมวลชน รัฐบาล ท าให้อ านาจที่ไม่เท่ากันลดลงได้
                       พลังในการต่อรองจะใกล้เคียงกันในการเจรจา และยังท าให้โรงงานเอกชนหันกลับมาพูดคุยได้มากขึ้น

                       2. การแทรกแซงของรัฐบาล (Government Intervention) ท าให้เอกชนยอมมาเจรจามากขึ้น
                       บทบาทของภาครัฐจึงมีความส าคัญ ไม่ว่าจะเป็นจากรัฐบาลหรือแม้แต่ภาครัฐในท้องถิ่น 3. การปฏิบัติ

                       ตามข้อตกลง (Implementation of Meditated Agreements) เช่น การจ่ายเงินตามข้อตกลง
   53   54   55   56   57   58   59   60   61   62   63