Page 33 - 22665_Fulltext
P. 33
16
ซึ่งสร้างและท าให้สังคมมีสันติภาพที่ยั่งยืน โดยมีรายละเอียดคือ ได้มีการจัดท าตัวชี้วัดเป็น 8 ด้านหลัก
แต่ละด้านมี 3 ตัวชี้วัด รวมเป็น 24 ตัวชี้วัด แต่ละตัวชี้วัดมีการให้ค าอธิบายตัวชี้วัดและแหล่งข้อมูลที่
อ้างอิงมาจากทั่วโลก (Institute for Economics and Peace, 2019, p. 11) การวัด PPI เป้าหมาย
ไม่ได้เน้นการท านายว่าเมื่อไหร่จะเกิดสภาวะที่คาดไม่ถึง Shock แต่ใช้อธิบายว่าประเทศจะสามารถ
ฟื้นคืนจากสภาวะที่คาดไม่ถึงได้ดีกว่าประเทศที่ได้คะแนนไม่ดี สภาวะ Shock เช่น สงครามกลางเมือง
ภัยธรรมชาติ โรคระบาด เป็นต้น Capland เห็นว่าการเปรียบเทียบสันติภาพในโลก โดยไม่ได้ดูบริบท
ความเจาะจง (Specific) วัฒนธรรมที่แตกต่างของแต่ละประเทศเป็นช่องโหว่ของงาน แต่ IEP อธิบาย
ในงาน PPI ไปที่ทัศนคติ สถาบันและโครงสร้างในเชิงเปรียบเทียบโดยไม่เน้นถึงการอธิบาย อะไรที่
เหมาะสมในบางประเทศอาจไม่เหมาะสมในบางประเทศ (2019, pp. 72-73)
นอกจากการวัดสันติภาพในโลกที่ชื่อ GPI และ PPI ยังมีการวัดสันติภาพในโลกชื่อ รัฐ
เปราะบาง (Fragile States Index) - FSI ซึ่งเดิมใช้ชื่อว่ารัฐล้มเหลว (Failed States Index) เริ่มวัด
ในปี 2005 ซึ่งวัดความอ่อนแอของแต่ละประเทศจนน าไปสู่การใช้ความรุนแรง โดยวัดเปรียบเทียบ
178 ประเทศ จากองค์ประกอบ 12 ด้าน คือ ด้านสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง/การทหาร ในปี
2017 ฟินแลนด์ได้คะแนนอันดับ 1 และเซาท์ซูดาน ได้อันดับสุดท้าย มีการวิจารณ์ประเด็นตัวชี้วัดบาง
ตัวว่าเป็นการวัดที่อาการ ไม่ได้เป็นการบอกถึงแรงขับ (Driver) ที่ท าให้รัฐอ่อนแอ เช่น ตัวชี้วัดการ
ปฏิบัติภารกิจรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ (UN Peace Keeping Mission) วัดว่ารัฐมีความเสี่ยง
แต่ Capland เห็นว่าอาจไม่ใช่เป็นการเตือนล่วงหน้าแบบ (Early Warning) ที่จะเตือนถึงความรุนแรง
แรงที่เกิดขึ้น หรือไม่ใช่การวัดสุขภาพ (Health Check) แต่เป็นข้อมูลของรัฐเปราะบาง (Profile of
Fragile State) อีกประเด็นหนึ่งเขาวิจารณ์ว่าการถ่วงน้ าหนักตัวชี้วัดโดยให้คะแนนทุกตัวชี้วัดเท่ากัน
ท าให้ไม่สามารถตอบสมมติฐานบางด้านที่อธิบายไว้ใน Background Paper ว่าสถาบันที่ดี น าไปสู่
พฤติกรรมที่ดี และสังคมที่รุ่งเรือง เนื่องจากการถ่วงน้ าหนักที่ให้คะแนนเท่ากัน การอธิบายโดยเน้น
ความเป็นสถาบันที่ดีหรือไม่ดี จึงไม่ใช่สิ่งส าคัญที่สุดตามสมมติฐานที่ก าหนดไว้ (2019, pp. 69-72)
2.1.2 การวัดสันติภาพของสากลในระดับจุลภาคที่ศึกษาจากบริบท
การวัดสันติภาพโดยค านึงถึงบริบท ความเจาะจงของพื้นที่มากกว่าการวัด
สันติภาพโดยมองแต่ภาพรวม ภาพใหญ่ มหภาค สามารถอุดช่องว่างนี้ได้โดยศึกษาจากการวัดสันติสุข
ในระดับชุมชนเชิงคุณภาพและจุลภาคเป็น Bottom Up Approach จากหนังสือ Reclaiming
Everyday Peace : Local Voices in Measurement and Evaluation After War บทสรุปนี้ได้
ข้อมูลมาจากการส ารวจ 2,038 ตัวอย่าง สัมภาษณ์ 100 กว่าคน ใน 4 ชุมชน ในประเทศอูกันดาและ
โคลัมเบีย ซึ่งเป็นชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม น าไปสู่การสังหารและการสูญเสียชีวิต มีข้อค้น
พบว่า การวัดสันติภาพในชุมชน มีจ านวนตัวชี้วัดสันติภาพเชิงบวกมากกว่าสันติภาพเชิงลบ ชุมชนให้