Page 231 - kpi22350
P. 231
เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเหลือในการบริหารราชการขององค์การบริหารส่วนตำบลตามที่นายก อบต.
รายงานสถานการณ์ น่าพอใจ หรือไม่เป็นไปตามกฎหมายหรือนโยบายที่ให้ไว้ก็ให้อำนาจในการถอดถอนรองนายก อบต. ให้พ้น
มอบหมาย และในทางกลับกันหากนายก อบต. เห็นว่าผู้ที่ตนแต่งตั้งนั้นปฏิบัติงานไม่มีประสิทธิภาพ ไม่เป็นที่
จากตำแหน่งได้
กรณีนี้ศาลปกครองได้พิจารณาว่า คำสั่งให้ตำแหน่งรองนายก อบต. พ้นจากตำแหน่งเป็น
คำสั่งทางปกครอง และเป็นดุลพินิจโดยแท้ของนายก อบต. หรือผู้บริหารท้องถิ่นอันเกิดจากความไว้วางใจ
และหมดความไว้วางใจในการปฏิบัติหน้าที่ แม้จะเป็นคำสั่งทางปกครองแต่ไม่ใช่การลงโทษ จึงไม่ถือเป็น
การกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเข้าข้อยกเว้นที่ไม่จำเป็นต้องให้โอกาสโต้แย้งก่อนออกคำสั่งแต่อย่างใด
ส่วนที่ 2 สถิติและข้อมูลสถานการณ์การกระจายอำนาจและการปกครองส่วนท้องถิ่นไทย
กรณีศึกษานี้ศาลปกครองจึงยกฟ้องคดีนี้ (อ้างอิงคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ. 152/2563)
3) การปฏิบัติหน้าที่ของท้องถิ่น
® ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากการไม่ปฏิบัติหน้าที่ของท้องถิ่นสามารถใช้สิทธิ
ยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองได้ทันทีหรือไม่? 31
คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อผู้เดือดร้อนซึ่งเป็นประชาชนเห็นว่า เทศบาลละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่
ปล่อยให้มีการขายของบนสะพานลอยเป็นจำนวนมาก ทำให้ทางเดินคับแคบ มีขยะกองบนสะพานลอย
จำนวนมาก อีกทั้งสะพานลอยยังมีสภาพชำรุดทรุดโทรม เป็นแผ่นเหล็กที่ชำรุดอาจก่อให้เกิดอันตรายได้
ผู้ฟ้องอ้างว่าตนเคยได้รับอุบัติเหตุลื่นล้มในบริเวณดังกล่าวมาแล้ว ผู้ฟ้องจึงขอยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง
เพื่อขอให้ศาลปกครองมีคำพิพากษาให้เทศบาลดำเนินการตามหน้าที่เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนดังกล่าว
กรณีนี้ศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา เนื่องจากผู้ฟ้องไม่ได้มีหนังสือ
ร้องขอให้เทศบาล ซึ่งเป็นหน่วยงานทางปกครองมีหน้าที่รับผิดชอบในเรื่องดังกล่าวทราบปัญหาและปฏิบัติ
หน้าที่ตามกฎหมายก่อน หากเทศบาลละเลยไม่ดำเนินการตามหน้าที่ภายใน 90 วันนับแต่วันที่มีหนังสือ
ร้องขอ จึงจะถือว่าผู้ฟ้องสามารถใช้สิทธิทางศาลได้ ด้วยเหตุนี้ผู้ฟ้องจึงขอยื่นอุทธณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด
กรณีนี้ศาลปกครองสูงสุดได้พิจารณาโดยวางบรรทัดฐานว่า เมื่อหน่วยงานทางปกครองหรือ
เทศบาลละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ปล่อยให้มีการวางขายสินค้าบนสะพานลอย ไม่ดูแลรักษา
สะพานลอยที่ชำรุดทรุดโทรมและอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ประชาชน อีกทั้งยังปล่อยให้มีการขายสินค้า
บนสะพานลอยและปล่อยให้มีขยะจำนวนมากตามที่ได้รับคำฟ้อง ตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496
มาตรา 50 วรรคหนึ่ง ที่ระบุให้เทศบาลต้องปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย โดยไม่จำเป็นต้องมีผู้ร้องขอให้มี
การปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวก่อน ดังนั้นกรณีนี้ศาลปกครองสูงสุดพิจารณาว่า ผู้ฟ้องคดีย่อมเป็นผู้ได้รับ
ความเสียหายหรือความเดือดร้อนจากการงดเว้นการกระทำของเทศบาล จึงเป็นผู้มีสิทธิฟ้องคดีต่อ
ศาลปกครองตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 มาตรา 42
วรรคหนึ่ง โดยไม่ต้องมีหนังสือร้องขอให้เทศบาลดำเนินการตามหน้าที่ดังกล่าวก่อนที่จะนำคดีมาฟ้องต่อ
ศาลปกครอง (อ้างอิง คำสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ คร. 51/2563)
31 สำนักงานศาลปกครอง. (11 มีนาคม 2564). “ท้องถิ่นละเลยต่อหน้าที่ : ต้องมีหน้าสือร้องขอก่อนฟ้องคดีหรือไม่?”,
อุทาหรณ์จากคดีปกครอง. สืบค้นจาก www.admincourt.go.th/admincourt/site/09illustration_list-11.html เมื่อวันที่
5 พฤษภาคม 2564.
220 สถาบันพระปกเกล้า