Page 229 - kpi22350
P. 229

กรณีดังกล่าวนี้ศาลปกครองได้พิจารณาว่า เมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดได้มีคำสั่งแจ้งให้
            รายงานสถานการณ์    รับทราบคำสั่ง โดยส่งหนังสือฉบับดังกล่าวให้ผู้ฟ้องทางไปรษณีย์ไปยังบ้านเลขที่อันเป็นภูมิลำเนาที่ปรากฏ
                     นายกเทศมนตรีทราบ พร้อมแจ้งสิทธิในการฟ้องคดีต่อศาลปกครองภายใน 90 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งหรือ


                     ตามบัตรประจำตัวประชาชนโดยมีผู้ตอบรับหนังสือดังกล่าวไว้แทนเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2562 ถือว่าได้รับ
                     หนังสือแจ้งคำสั่งให้พ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2562 และถือว่าเป็นวันที่นายกเทศมนตรีรู้หรือ

                     ควรรู้เหตุแห่งการฟ้องนี้แล้ว ในกรณีนี้ตำแหน่งนายกเทศมนตรีถือเป็นตำแหน่งผู้บริหารท้องถิ่น ไม่มีฐานะ
                     ตามกฎหมายเป็นข้าราชการประจำ ข้ออ้างที่ว่าต้องนับเวลาตามที่ได้รับแจ้งคำสั่งไปยังเทศบาล ซึ่งเป็น
                     ภูมิลำเนาของข้าราชการจึงไม่อาจรับฟังได้ (อ้างอิง คำสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ คร. 277/2562)

            ส่วนที่ 2 สถิติและข้อมูลสถานการณ์การกระจายอำนาจและการปกครองส่วนท้องถิ่นไทย
                              ® การท้าทายชกต่อยในที่ประชุม อาจส่งผลให้ผู้บริหารท้องถิ่นต้องพ้นจากตำแหน่ง
                     หรือไม่? 29


                                คดีนี้เกิดขึ้นจากนาง ก. ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลและได้รับ
                     เลือกเป็นประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ต่อมาสมาชิกสภา อบต. ได้ยื่นญัตติขอให้นาง ก. พ้นจาก

                     ตำแหน่ง เพราะนาง ก. มีพฤติกรรมเสื่อมเสียและไม่เหมาะสม โดยได้ท้าชกต่อยกับนาย ข. ซึ่งเป็นสมาชิก
                     อบต. หลังประชุมในเวลา 17.00 น. นอกจากนี้ยังมีพฤติกรรมคุมคามและละเมิดสิทธิสมาชิกสภา อบต.
                     โดยนำบุคคลภายนอกเข้าไปในที่ประชุมสภา บุคคลภายนอกดังกล่าวไม่ได้นั่งในสถานที่ที่จัดเตรียมไว้ให้

                     ทั้งยังยืนเดินถ่ายรูปและบันทึกวิดีโอโดยไม่มีเหตุอันควร

                                ต่อมานาง ก. ได้เรียกประชุมสภาสมัยสามัญเพื่อพิจารณาเรื่องที่ตนถูกกล่าวหา โดยมี

                     สมาชิก อบต. เข้าร่วมครบทุกท่าน จำนวน 38 คน นาง ก. ได้ให้ที่ประชุมพิจารณาญัตติโดยเปิดเผยและ
                     มีสมาชิก อบต. 5 คนได้อภิปรายพฤติกรรมนาง ก. หลังจากอภิปรายเสร็จสมาชิกสภา อบต. ได้ออกเสียง
                     ลงคะแนนลับ ปรากฏว่ามีผู้เห็นด้วยให้นาง ก. พ้นจากตำแหน่ง 35 เสียง ไม่เห็นด้วย 1 เสียง และ

                     งดออกเสียง 1 เสียง ที่ประชุมจึงมีมติให้นาง ก. พ้นจากตำแหน่งสมาชิก อบต. หลังจากนั้นนาง ก. จึงนำเรื่อง
                     มาฟ้องต่อศาลปกครองเพื่อขอให้ศาลปกครองเพิกถอนมติของสภาองค์การบริหารส่วนตำบล


                                ตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ.2537 มาตรา 47 ตรี
                     วรรคหนึ่ง ระบุว่า สมาชิกภาพของสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลสิ้นสุดลงเมื่อ...(8) สภาองค์การบริหาร
                     ส่วนตำบลมีมติให้พ้นจากตำแหน่งโดยเห็นว่ามีพฤติกรรมในทางที่จะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียหรือก่อ

                     ความไม่สงบเรียบร้อยแก่องค์การบริหารส่วนตำบล หรือกระทำการอันเสื่อมเสียประโยชน์ของสภาองค์การ
                     บริหารส่วนตำบล โดยมีสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนสมาชิก

                     สภาองค์การบริหารส่วนตำบลทั้งหมดเข้าชื่อเสนอให้สภาองค์การบริหารส่วนตำบลพิจารณา และมติดังกล่าว
                     ต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมด และวรรคสอง ระบุว่า ผู้ที่สมาชิกภาพ
                     สิ้นสุดลงมีสิทธิอุทธรณ์หรือโต้แย้งไปยังนายอำเภอได้ภายใน 15 วันนับแต่วันที่รับทราบมติ ให้นายอำเภอ

                     สอบสวนภายใน 30 วันนับแต่วันได้รับคำอุทธรณ์ คำวินิจฉัยของนายอำเภอให้เป็นที่สุด



                           29   สำนักงานศาลปกครอง. (7 สิงหาคม 2563). “ท้าชกต่อยและถ่ายวิดีโอในที่ประชุม ... พฤติกรรมเสื่อมเสียที่อาจต้องพ้น
                     จากตำแหน่ง”, อุทาหรณ์จากคดีปกครอง. สืบค้นจาก www.admincourt.go.th/admincourt/site/09illustration_list-11.html
                     เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2564.



                218   สถาบันพระปกเกล้า
   224   225   226   227   228   229   230   231   232   233   234