Page 23 - kpi22228
P. 23

15



               พนักงานจะตองตอบสนองตอความตองการ คําถาม หรือความไมสบายใจของลูกคา ความปลอดภัย (security)

               บริการที่ใหตองปราศจากอันตรายความเสี่ยงและปญหาตาง ๆ การสรางบริการใหเปนที่รูจัก (tangible)
               บริการที่ลูกคาไดรับจะใหเขาสามารถคาดคะเนถึงคุณภาพของบริการดังกลาวได การเขาใจและรูจักลูกคา

               (understanding/knowing Customer) พนักงานตองพยายามเขาใจถึงความตองการของลูกคา และให

               ความสนใจตอบสนองความตองการดังกลาว การทําใหบริการแตกตางจากคูแขง (competitive
               differentiation) จะตองทําใหผลิตภัณฑมีคุณภาพ แขงขันได และมีความแตกตางจากคูแขง โดยการสราง

               ขอแตกตางของบริการอยางเดนชัดในความรูสึกของลูกคา การพัฒนาคุณภาพการใหบริการเหนือกวาคูแขง

               ซึ่งสามารถทําไดโดยการเสนอบริการในลักษณะที่มีแนวคิดริเริ่มแตกตางจากบริการของคูแขงขันทั่วไป
               ในดานทรัพยากรบุคคล สถานที่สภาพแวดลอม กระบวนการในการใหบริการ บริการเสริมที่มีกิจการมีเพิ่มเติม

               ใหนอกเหนือจากบริการพื้นฐานทั่วไป ซึ่งเกณฑตาง ๆ เหลานี้เปนเกณฑที่จะตองคํานึงถึงในชวงของ

               การไดรับบริการของลูกคา ในความคิดแบบนี้จึงนํามาสูเปาหมายของพรรคการเมือง หรือผูลงสมัครรับเลือกตั้ง
               ที่จะตองสราง ทําใหคงอยู หรือเสริมความสัมพันธที่แนบแนมากขึ้นกับลูกคา ในที่นี้คือผูมีสิทธิออกเสียง

               เลือกตั้ง และกลุมผูสนับสนุนทางการเมือง

                       ในสวนที่เกี่ยวของกับการทําการตลาดของการใหบริการนี้มีความเกี่ยวของกับคํามั่นสัญญาของ
               ตราสินคา (แบรนด) (brand promise) ซึ่งหมายถึง คุณคา (position) ที่แบรนดไดสัญญาไววาจะสามารถ

               สงมอบ ใหเปนไปตามที่ผูบริโภคคาดหวัง (expectation) ดวยประสบการณ (experience) ทุกครั้ง ที่ไดเขามา

               ใชหรือมีปฏิสัมพันธกับแบรนด (brand touch) ซึ่งสามารถพิสูจนได (proof) คําสัญญาของแบรนดคือ
               คํามั่นสัญญาที่มีตอผูบริโภค วาจะพัฒนาบริการใหดีขึ้นไปเรื่อย ๆ หรือการสัญญาวาจะสรางสรรคสิ่งใหม ๆ

               การสัญญาวาจะสงมอบประโยชนที่ลูกคาจะไดรับ ซึ่งไมใชการประกาศเปาหมายหรือวัตถุประสงคขององคกร

               แตเปนการรางคําบัญญัติที่ใหไวกับลูกคา ถือเปนตัวแทนของคุณภาพและความเชื่อมั่นที่ลูกคาพึงคาดหวังได
               จากแบรนด หากเปรียบ Brand Positioning คือ‘รากเหงา’ จุดยืนที่สรางความแตกตางใหกับแบรนด

               ซึ่งในทางการใหบริการแลว จะเปนประสบการณตรงที่ลูกคาไดรับครั้งแลวครั้งเลาจากการไดรับบริการ จนเกิด

               เปนความรูสึกมั่นใจในตัวแบรนด จนกลายเปนลูกคาที่จงรักภักดีในที่สุด ซึ่งในที่สุดแลวนี่ก็คือความคลายกัน
               ระหวางการตลาดทางการเมืองและการตลาดของการใหบริการ

                       อยางไรก็ตาม Andrew Lock and Phi Harris (1996) ไดทําการเปรียบเทียบความแตกตางของ

               การทําการตลาดแบบปกติกับการทําการตลาดการเมืองไว 7 ประการ ดังนี้
                       ประการแรก การเลือกตั้งเกิดขึ้นในวันเดียวเทานั้น ซึ่งเปนวันที่ผูบริโภคหรือผูมีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง

               จะเลือกผูสมัครรับเลือกตั้ง แตการเลือกซื้อของหรือการใชบริการจะเกิดขึ้นไดหลายวัน ขึ้นอยูกับความตองการ

               และความสามารถในการซื้อ และมีนอยครั้งมากที่ผูบริโภคจะซื้อสินคาใดสินคาหนึ่งพรอม ๆ กัน นอกจากนี้
               ในเรื่องของการเลือกตั้งนั้นอาจจะมีการเกิดขึ้นของสิ่งที่คาดไมถึงได เพราะผูมีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง

               อาจจะไมตองการพูดถึงตัวเลือกทางการเมืองของตนดวยความสมัครใจเอง
   18   19   20   21   22   23   24   25   26   27   28