Page 228 - kpi21190
P. 228
228
มีการตั้งข้อสังเกตว่ากว่าที่ประเด็นด้านความเหลื่อมล้ำจะได้รับความสนใจอย่างจริงจังในสาขา
วิชาอื่น ต้องรอจนถึงช่วงปลายทศวรรษที่ 1980 (Therborn, 2013) อนึ่งในช่วงแรกของ
การศึกษาความเหลื่อมล้ำ ด้วยอิทธิพลจากงานของคุซเนตส์ทำให้นักวิชาการมีแนวโน้มที่จะมองว่า
“ความเหลื่อมล้ำเป็นเรื่องปกติในกระบวนการพัฒนาเศรษฐกิจ และเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเพียง
ชั่วคราวเท่านั้น ก่อนที่ในระยะยาวปัญหาดังกล่าวจะลดลงไปตามกระบวนการพัฒนา มุมมองที่
ศึกษา “ความเหลื่อมล้ำ” ในฐานะของปัญหาเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้เท่านั้น และดังที่ได้
กล่าวไปแล้วข้างต้น หนึ่งในปัญหาที่ถูกนำไปเชื่อมโยงกับเรื่องความเหลื่อมล้ำคือปัญหาใน
กระบวนการพัฒนาประชาธิปไตย
ในบทความนี้ ผู้เขียนต้องการทบทวนการศึกษาในสามด้าน ได้แก่ การศึกษา
กระบวนการประชาธิปไตย การศึกษาความเหลื่อมล้ำ และการศึกษากระบวนการ
ประชาธิปไตยที่เชื่อมโยงกับประเด็นเรื่องความเหลื่อมล้ำ ทั้งนี้โดยจะให้ความสำคัญกับการ
ทบทวนในด้านสุดท้ายเป็นสำคัญ โดยเป้าประสงค์ในการทบทวนการศึกษาทั้งสามด้าน ในที่นี้
เพื่อมุ่งทำความเข้าใจว่าที่ผ่านมามีข้อค้นพบสำคัญที่เกี่ยวเนื่องกับความสัมพันธ์ระหว่าง
กระบวนการประชาธิปไตย และความเหลื่อมล้ำอย่างไร? อะไรคือข้อถกเถียงหลักในเรื่องนี้?
ภายใต้ข้อค้นพบ และข้อถกเถียงเหล่านี้ อะไรคือทิศทางในอนาคตของการศึกษาความสัมพันธ์
ของสองสิ่งนี้? ในการตอบคำถามเหล่านี้ บทความนี้จะจัดลำดับการนำเสนอออกเป็น 4 ส่วน
ด้วยกัน ได้แก่ ส่วนที่ว่าด้วยการศึกษากระบวนการประชาธิปไตย และส่วนที่ว่าด้วยการศึกษา
ความเหลื่อมล้ำ ในสองส่วนนี้ผู้เขียนจะทำการทบทวนทิศทางการศึกษาที่ผ่านมาอย่างสังเขป
รวมทั้งตั้งข้อสังเกตบางประการถึงแนวทางการศึกษาในอนาคตในแต่ละเรื่อง ในส่วนถัดมา
จะกล่าวถึงการศึกษาประชาธิปไตยและความเหลื่อมล้ำ ส่วนนี้จะมุ่งเน้นกล่าวถึงทฤษฎี และ
ข้อถกเถียงสำคัญในแง่มุมที่เกี่ยวเนื่องกับความสัมพันธ์ระหว่างสองสิ่งนี้ ในส่วนสุดท้าย
จะทำการสรุปภาพรวมข้อสังเกตจากการทบทวนการศึกษาในเรื่องเหล่านี้ และนัยสำคัญ
บางประการสำหรับการศึกษาในอนาคต รวมทั้งนัยสำคัญเชิงนโยบายสาธารณะ
ว่าด้วยการศึกษากระบวนการประชาธิปไตย
การศึกษากระบวนการประชาธิปไตยเป็นการศึกษาที่เต็มไปด้วยพลวัตอย่างมาก ดังที่
ผู้เขียนได้เคยศึกษาทบทวนในเรื่องนี้มาแล้ว (ดูไชยวัฒน์ ค้ำชู และนิธิ เนื่องจำนงค์, 2555)
หมุดหมายสำคัญของการศึกษากระบวนการประชาธิปไตยเริ่มต้นจากงานของเซย์มูร์ มาร์ติน
ลิปเซต (Seymour Martin Lipset) ในปีค.ศ. 1959 (Lipset, 1959) งานดังกล่าว ซึ่งอาจ
การประชุมกลุ่มย่อยที่ 3 เถียงเรื่องกระบวนการประชาธิปไตย โดยนำไปเชื่อมโยงกับปัจจัยเชิงโครงสร้างที่สำคัญนั่นคือ
กล่าวได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของข้อถกเถียงระลอกที่หนึ่ง ได้ส่งผลในการกำหนดทิศทางการถก
การพัฒนาเศรษฐกิจ หลังจากงานชิ้นดังกล่าวเป็นต้นมาข้อถกเถียงในระลอกแรกล้วนแล้วแต่ให้
ความสำคัญกับปัจจัยเชิงโครงสร้าง ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม
การเมือง หรือการมุ่งเน้นพิสูจน์ข้อเสนอของลิปเซต ซึ่งยังคงได้รับการพิสูจน์และปรับปรุง
ทฤษฎีเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน