Page 33 - kpi20973
P. 33
32
2.2) การจัดสรรงบประมาณท้ามาจากส่วนล่าง ค้านึงถึงเฉพาะกิจกรรมที่ส่วนกลางก้าหนด
2.3) ระบบราชการและเจ้าหน้าที่ระดับต่างๆ ขาดการประสานงาน และรับปฏิบัติเฉพาะ
นโยบายหลักของหน่วยงาน
2.4) มีความสัมพันธ์แบบผู้ใหญ่ผู้น้อย มักจะเชื่อว่าตัวเองมีฐานะสูงกว่าชาวชนบท
2.5) เจ้าหน้าที่ราชการชอบท้างานส้านักงาน
2.6) ระบบราชการใช้การให้คุณให้โทษ ท้าตัวให้พอใจแก่ผู้บังคับบัญชามิได้ปฏิบัติงานเพื่อ
ชาวชนบทอย่างแท้จริง
2.7) บุคคลภายนอกหรือผู้เกี่ยวข้องไม่ต้องการให้ชาวชนบทเข้ามาร่วมในการพัฒนา
สรุปได้ว่า ปัญหาอุปสรรคของการมีส่วนร่วม ถ้าพูดถึงที่สุดความล้มเหลวของการพัฒนาชุมชน
ในประเทศเราส่วนหนึ่งเกิดขึ นจากการที่ได้กระจายอ้านาจหน้าที่และความรับผิดชอบให้แก่ประชาชน
โครงสร้างอ้านาจทางการเมือง การปกครอง การบริหารก็ดี โครงสร้างอ้านาจทางเศรษฐกิจก็ดี โครงสร้างทาง
สังคมวัฒนธรรมก็ดี เหล่านี ล้วนตกอยู่ในมือของคนบางกลุ่มเท่านั น จึงไม่เห็นภาพของการกระจายอ้านาจจริงๆ
ถ้ายังไม่มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขโครงสร้างที่มีลักษณะผูกขาดของคนบางกลุ่ม ยากที่จะให้เกิดการพัฒนาแบบ
มีส่วนร่วมของประชาชนที่แท้จริง เพราะพวกเขาไม่มีโอกาสเข้ามามีส่วนร่วมอย่างแท้จริง
ดังนั น การมีส่วนร่วมเพื่อให้เกิดความเข้มแข็งของการด้าเนินงานและขับเคลื่อนได้อย่างมีคุณภาพ
ต้องอาศัยการมีส่วนร่วม ได้แก่ ร่วมคิด ร่วมตัดสินใจ ร่วมปฏิบัติ ร่วมประเมินผล และร่วมรับประโยชน์ และ
รวมถึงต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่างที่ส้าคัญ ได้แก่ สภาพแวดล้อมหรือบริบท ผู้น้า รางวัลตอบแทนจากการ
ท้างาน และตัวบุคคลที่เข้าร่วมกลุ่มเพื่อขับเคลื่อนให้กลุ่มเกิดความเข้มแข็งด้าเนินงานสู่เป้าหมายที่ตั งไว้
2.2 แนวคิดทฤษฏีเกี่ยวกับกลุ่ม
2.2.1 ความหมายเกี่ยวกับกลุ่ม
Krech et all (อ้างถึงใน กลุ่มงานส่งเสริมสัมมาชีพชุมชน ส้านักงานส่งเสริมความเข้มแข็งของ
ชุมชน กรมการพัฒนาชุมชน, 2560 : 1) ได้ให้ความหมายของกลุ่มว่า “กลุ่ม” หมายถึง การที่มีคนตั งแต่ 2 คน
ขึ นไป มาพบกันในสถานการณ์ต่อไปนี
1) มีอุดมคติในการรวมกลุ่มร่วมกัน คือ มีความเชื่อ คุณค่า และบรรทัดฐานซึ่งจะน้าไปสู่การ
กระท้าร่วมกัน
2) มีสัมพันธภาพในกลุ่มอย่างอิสระและการแสดงพฤติกรรมของสมาชิกแต่ละคนมีอิทธิพล
ต่อกัน