Page 51 - kpi20899
P. 51
“การถอดบทเรียนชุมชนเพื่อการปฏิรูปกระบวนการจัดการทรัพยากร : พลวัตแห่งการมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรน ้า
ในพื นที่ต้าบลหนองพันจันทร์ อ้าเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี” โดย ดร.ปริชัย ดาวอุดม และนายเจษฎา เนตะวงศ์
สังคมแห่งชาติที่มุ่งเน้นให้เกิดการกระจายความเจริญสู่ท้องถิ่นชนบท ผ่านการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน
ถนน ไฟฟ้า ระบบชลประทาน รวมถึงการส่งเสริมและสนับสนุนการปลูกพืชเศรษฐกิจที่จะช่วยเพิ่มมูลค่า
ตัวเลขรายได้ของครัวเรือนและประเทศให้เพิ่มสูงขึ้นภายใต้เงื่อนไขการพัฒนาเหล่านี้จึงส่งผลต่อการ
เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและรูปแบบการท้ามาหากินของผู้คนในพื้นที่อย่างค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป เป็นพลวัตของ
การพัฒนาตามเส้นประวัติศาสตร์ของยุคสมัย
4.2.3 การเอาแรงช่วยกันระหว่างบ้าน : ระบบคุณค่ารากฐานความสัมพันธ์ของคนในชุมชน
ชุมชนหนองพันจันทร์ เป็นชุมชนที่มีรากฐานความสัมพันธ์ในลักษณะเครือญาติหรือนับถือ
ญาติกันเป็นพื้นฐาน เนื่องจากชาวบ้านโดยส่วนใหญ่ที่อพยพย้ายเข้ามาตั้งถิ่นฐานนั้น มักจะเป็นญาติพี่น้อง
หรือคนรู้จักที่ชักชวนกันเข้ามาตั้งแต่แรกเริ่ม พื้นฐานความสัมพันธ์เหล่านี้จึงส่งผลให้ทุกคนรู้จักกันหมด
การด้ารงอยู่จึงเป็นไปในลักษณะของการถ้อยทีถ้อยอาศัย ซึ่งในยุคบุกเบิกก่อนที่จะอยู่รวมกันเป็นชุมชนนั้น
แรงงานถือเป็นปัจจัยส้าคัญที่จะก้าหนดความมั่นคงในการด้ารงชีวิตทั้งในด้านการก่อสร้างที่อยู่อาศัย
การจับจองเป็นเจ้าของที่ดิน การผลิตพืชผลทางการเกษตร ล้วนอาศัยแรงงานที่ด้าเนินไปบนพื้นฐานของ
ความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนที่เข้ามาอยู่อาศัยในพื้นที่ดังจะเห็นได้จากการเอาแรงช่วยเหลือเกื้อกูลกันระหว่าง
บ้าน การช่วยเหลือเวลามีงานไม่ว่าจะเป็นการสร้างบ้าน การปรับพื้นที่เพาะปลูก การเก็บเกี่ยวผลผลิต จะมี
การไปบอกกล่าว ขอแรงมาช่วย บ้านที่เป็นเจ้าภาพจะมีการจัดเตรียมอาหาร เหล้าขาวไว้ส้าหรับเลี้ยงดู
บรรยากาศของการอยู่ร่วมกันจึงด้าเนินไปอย่างเป็นกันเอง มีการพูดคุย ดื่มกิน มีความสนุกสนานไปพร้อม
กับการท้างาน ระหว่างชาวบ้านด้วยกัน
ความสัมพันธ์ทางการผลิตและการบริโภคภายในชุมชนที่ด้าเนินไปโดยปราศจากการเข้ามา
แทรกแซงของกิจกรรมทางการค้าหรือการรับจ้างถือเป็นส่วนส้าคัญต่อการผนึกให้เกิดความผูกพันและ
ความสัมพันธ์ที่ดีภายในชุมชน ภายใต้บรรยากาศของการท้างานแบบช่วยเหลือเกื้อกูลและอยู่อาศัยแบบ
พึ่งพาอาศัยกันของชาวบ้าน ซึ่งมีที่มาจากหลากหลายพื้นที่ จึงท้าให้เกิดการผสมผสานความรู้ภูมิปัญญา
ก่อให้เกิดวิธีการและแนวทางที่จะสร้างสรรค์เพื่อการพัฒนาและยกระดับวิถีการผลิตให้สอดคล้องกับบริบท
การเปลี่ยนแปลง ดังปรากฏในยุคสมัยที่มันส้าปะหลังเป็นที่นิยมกันเป็นอย่างมาก ชาวบ้านได้มีการลงขัน
เพื่อที่จะสร้างลานตากพืชผลทางการเกษตร บ้างก็รวมกัน 2-3 คน หรืออาจจะมากกว่านั้น สะท้อนให้เห็น
ถึงการน้าเอาความสัมพันธ์ซึ่งเป็นทุนทางสังคมออกมาใช้ ดังบทสัมภาษณ์ที่ว่า
50