Page 48 - kpi20899
P. 48
“การถอดบทเรียนชุมชนเพื่อการปฏิรูปกระบวนการจัดการทรัพยากร : พลวัตแห่งการมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรน ้า
ในพื นที่ต้าบลหนองพันจันทร์ อ้าเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี” โดย ดร.ปริชัย ดาวอุดม และนายเจษฎา เนตะวงศ์
“พ่อแม่ก็มาจับจองปลูกกระต๊อบ เพราะเมื่อก่อนไม่มีที่ใคร ก็มาปลูกพืชผักที่กิน
ได้รอบบ้านเท่านั นเอง ก็จะมีกะเหรี่ยงที่อยู่เดิม ซึ่งอยู่พื นที่ปัจจุบันนี แหละ เป็นของ
กะเหรี่ยงบุญ คุณพ่อคุณแม่ก็ซื อไร่ละ 80 บาท สมัยนั น ซื อเมื่อ พ.ศ.2512 ตอนแรก
มาอยู่ยังไม่ได้ซื อ คือกะเหรี่ยงเขาจะฟันเป็นช่องๆ ไม่ได้ฟันเรียบนะ ก็เป็นป่าโล่ง เขาก็
ท้ากินสลับกัน เขาจะฟันแบบคือเขาฉลาด อย่างคนไทยมาอยู่จะท้ากินกัน รอบๆ
กระต๊อบ แต่กะเหรี่ยงเขาท้ากิน บ้านอยู่ตรงนี เขาจะไม่ท้า เขาจะท้ารอบนอกมาก่อน
เข้ามาหารอบบ้านเขา” (สัมภาษณ์พี่เด่น 15 พฤษภาคม 2560)
การด้ารงชีวิตของชาวกะเหรี่ยงในพื้นที่นั้นด้าเนินไปบนพื้นฐานของการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ
อย่างเคารพ มีการปลูกบ้านเรือนหลังเล็กๆ ตามพื้นที่ที่ตนจับจอง ใช้ชีวิตตามวิถีที่พึ่งพิงอยู่กับธรรมชาติ
มีการปลูกพืชผัก เช่น ข้าว ละหุ่ง พริก ไว้ส้าหรับใช้ในครัวเรือน โดยจะปลูกพืชในลักษณะของการท้าไร่
หมุนเวียนในพื้นที่ป่า และปล่อยให้ป่ามีการฟื้นตัวเองตามธรรมชาติ ก่อนที่จะเวียนกลับมาท้าซ้้าในที่ผืนเดิม
อีกครั้ง สะท้อนให้เห็นวิถีชีวิตที่อยู่อาศัยและเกื้อกูลกับธรรมชาติส่งผลให้สภาพของป่าไม้และทรัพยากรต่างๆ
ในพื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์ เพราะวิถีการท้ากินของชาวกะเหรี่ยงนั้นไม่เน้นการสะสม หากแต่เป็นไปเพื่อการ
ด้ารงชีวิต ในแต่ละปีจะมีการหมุนเวียนพื้นที่ท้ากินสลับกันไป อย่างไรก็ตามภายใต้ยุคสมัยของการพัฒนา
ประเทศ ภายหลังการเริ่มประกาศใช้แผนพัฒนาการเศรษฐกิจแห่งชาติฉบับที่ 1 (พ.ศ.2504-2509) ได้เร่งเร้า
ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในวิถีการผลิต ซึ่งส่งผลต่อการใช้ทรัพยากรที่เพิ่มมากขึ้น ผู้คนในท้องถิ่นชนบท
ต่างดิ้นรนหนีจากความยากล้าบากออกแสวงหาที่ท้ากินแห่งใหม่ พื้นที่ในบริเวณนี้จึงเริ่มมีการอพยพย้ายถิ่น
เข้ามาจากบุคคลภายนอก ซึ่งโดยส่วนใหญ่เป็นการอพยพมาจากพื้นที่จังหวัดใกล้เคียง เช่น เพชรบุรี
สมุทรสาคร สุพรรณบุรี เป็นต้น บางคนรู้จักและเข้ามาในพื้นที่ในฐานะของการเป็นแรงงานรับจ้างตัดไม้
เมื่อหมดงานจึงชักชวนคนรู้จักให้เข้ามาบุกเบิกและสร้างที่ท้ากินด้วยหวังจะมีชีวิตที่ดีขึ้น ดังบทสัมภาษณ์ที่ว่า
“ผมเอง...ช่วงที่มาตั งแต่ 7 ขวบ มาในฐานะติดตามพ่อแม่มา พอดีตอนนั นเรา
ยากจน ก็มีน้าชายที่เป็นน้องของแม่เขามาอยู่นี่ก่อน เขาก็ไปชักชวน บอกที่นี่อุดม
สมบูรณ์ตอนนั นก็เช่ารถมาจากราชบุรี ก็มาได้แค่หนองขาม ทางมันมาไม่ได้ รถธรรมดา
มาไม่ได้ ก็ลงหามกระบุง ตะกร้า ผมเองท้าหน้าที่แบกเสื่อมาผืนหนึ่ง ไม่ใช่เสื่อผืนหมอน
ใบนะ หมอนไม่มี (หัวเราะ) ก็ตามมา พ่อแม่ก็หลอกเรื่อย ถึงแล้ว ใกล้ถึงแล้ว ก็เดินบุก
ป่า ฝ่าดงมา ถึงป่าหวายเห็นบ้านคนหลังคามุงจาก อยู่ไม่กี่หลัง หลังจากนั นก็เดินมาอีก
ถึงหนองตาเล็ก ได้ยินเสียงหมาเห่า ไก่ขัน เขาก็หลอกเราไปเรื่อย ถึงแล้ว...ก็ไม่ถึงสักที
จนมืด ก็อาศัยแสงจันทร์เดินคล้าทาง กว่าจะถึงที่พักก็จะเป็นเวิ ง คนมาอยู่บ้างก็มี ก็จะ
โล่งบ้าง ป่าบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นป่าเยอะ” (สัมภาษณ์ลุงไฟ 14 พฤษภาคม 2560)
47