Page 50 - kpi20899
P. 50

“การถอดบทเรียนชุมชนเพื่อการปฏิรูปกระบวนการจัดการทรัพยากร : พลวัตแห่งการมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรน ้า
                        ในพื นที่ต้าบลหนองพันจันทร์ อ้าเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี”  โดย  ดร.ปริชัย ดาวอุดม และนายเจษฎา เนตะวงศ์







                  จึงด้าเนินไปสอดคล้องกับวิถีชีวิตและก้าลังแรงงานเท่าที่จะท้าได้ ปัจจัยในการผลิตของชุมชนในช่วงเวลานั้น

                  จึงขึ้นอยู่กับการมีก้าลังแรงงานและอาศัยความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติเป็นต้นทุน เช่น การใช้

                  เมล็ดพันธุ์ที่มีอยู่ภายในครัวเรือน ไม่ได้มีการซื้อหาเมล็ดพันธุ์จากภายนอกเพื่อการเพาะปลูกในเชิงการค้า

                  หากแต่เป็นไปตามวิถีที่ด้ารงอยู่แบบพอมีพอกิน การเกษตรที่เกิดขึ้นจึงไม่มีความซับซ้อน ภายใต้เงื่อนไข

                  ของความอุดมสมบูรณ์ดังกล่าว วิถีชีวิตที่ด้าเนินไปจึงไม่มีความเร่งรีบ ไม่เน้นการสะสม การใช้เงินจึงแทบ

                  ไม่มีความส้าคัญ ชีวิตในยุคบุกเบิกจึงด้าเนินไปบนพื้นฐานของการยังชีพ พึ่งพาอาศัยเกื้อกูลระหว่างคนกับ

                  คนและคนกับธรรมชาติ สอดคล้องกับการบอกเล่าที่ว่า



                                 “กินอะไรแล้วมีเม็ดเหลือ โยนไปหลังบ้านมันก็ขึ นแล้ว มะเขือยังนี  ก็โยนไป
                          ขึ นหมด ฝนก็ตกตามฤดูกาล ค้านวณได้เลยว่าจะปลูกอะไรช่วงไหน อย่างการจะปลูก

                          ผักเนี่ย ไม่ต้องพึ่งน ้าก็ได้ มันก็ขึ น อย่างหน้าฝนจะปลูกอะไร ปลายฝนต้นหนาวก็ปลูก
                          กะหล่้าปลีได้นะ” (สัมภาษณ์พี่เด่น 15 พฤษภาคม 2560)


                             การด้ารงชีวิตของผู้คนในพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นชาวกะเหรี่ยงหรือผู้คนที่อพยพย้ายเข้ามาใหม่

                  จึงด้าเนินไปบนวิถีแบบพอมีพอกิน ไม่ได้ถูกเร่งเร้าให้มีการสะสม หรือผลิตเพื่อการค้า หากแต่เป็นการผลิต


                  ภายในครัวเรือน เมื่อเหลือจากการบริโภคในครัวเรือนก็จะน้าไปแลกเปลี่ยนกัน สภาพทางสังคมและความ
                  อุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติดังที่กล่าวมาจึงแสดงให้เห็นเงื่อนไขของการด้ารงชีวิต โดยเฉพาะวิถีแห่งการผลิต


                  ที่ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ซึ่งส่วนหนึ่งสามารถวิเคราะห์ได้ว่าในช่วงเวลานั้นยังมีข้อจ้ากัดในเรื่องแรงงาน
                  และเทคโนโลยีที่จะมาช่วยทุ่นแรงในการถางป่า หรือปรับสภาพที่ดินให้เหมาะแก่การท้าเกษตรเชิงพาณิชย์


                  ดังนั้นการท้ามาหากินในพื้นที่หนึ่งแปลง จึงต้องปลูกพืชหลากหลายชนิดเพื่อให้ได้ผลผลิตที่เพียงพอต่อ
                  ความต้องการภายในครัวเรือนเป็นส้าคัญ เช่น ในพื้นที่หนึ่งแปลงจะมีการหยอดข้าว แซมด้วยการปลูกละหุ่ง


                  ปลูกพริก รวมถึงพืชผักอื่นๆ ท้าให้ในพื้นที่นั้นสามารถให้ผลผลิตได้อย่างหลากหลาย ถือเป็นระบบที่
                  แตกต่างไปจากระบบการปลูกพืชเชิงเดี่ยว ในระบบการผลิตที่มุ่งตอบสนองเศรษฐกิจสมัยใหม่ กระทั่งเมื่อ


                  มีผู้คนย้ายเข้ามาอยู่อาศัยภายในพื้นที่เพิ่มมากขึ้น การพัฒนาด้านโครงการพื้นฐานและการน้าเข้าเทคโนโลยี

                  เครื่องทุ่นแรงต่างๆ รวมถึงพันธุ์พืชในการเพาะปลูกที่จะตอบสนองต่อความต้องการของตลาดจึงได้เริ่ม

                  มีความหลากหลาย พร้อมกับการเข้ามาจัดรูปแบบการปกครองจากรัฐ รวมถึงพ่อค้านายทุนที่ค่อยๆ เข้ามา

                  มีบทบาทสร้างการเปลี่ยนแปลงภายในพื้นที่ ภายใต้อุดมการณ์ของการพัฒนาที่มีเป้าหมายในการพัฒนา

                  และยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น สอดคล้องตามพลวัตของการพัฒนาภายใต้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและ







                                                            49
   45   46   47   48   49   50   51   52   53   54   55