Page 24 - kpi20899
P. 24
“การถอดบทเรียนชุมชนเพื่อการปฏิรูปกระบวนการจัดการทรัพยากร : พลวัตแห่งการมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรน ้า
ในพื นที่ต้าบลหนองพันจันทร์ อ้าเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี” โดย ดร.ปริชัย ดาวอุดม และนายเจษฎา เนตะวงศ์
ชุมชนอาจไม่ได้นิยามกระบวนการที่ด้าเนินการอยู่ว่าเป็นประชาธิปไตยชุมชนหรือประชาธิปไตยในรูปแบบ
ใดเลย เพราะในความเป็นจริงชุมชนในสังคมไทย จากอดีตถึงปัจจุบันต่างก็มีภาพของความร่วมแรงร่วมใจ
ในการท้ากิจกรรมอันเป็นสาธารณะประโยชน์ไม่มากก็น้อย ไม่ว่าจะเป็นงานบุญ ประเพณี การท้านุบ้ารุง
ซ่อมแซม ถนนหนทาง สาธารณูปโภค การป้องกันภัยพิบัติ ฯลฯ หากแต่ในระยะเวลาต่อมาการขยายตัวของ
ระบบราชการ และการสาธารณูปโภคของรัฐ ได้เข้าไปยึดแย่งและรับเหมาท้าแทน จนท้าให้ความจ้าเป็น
ในการร่วมแรงร่วมใจของคนในชุมชนลดน้อยลง เมื่อรัฐต้องการให้มีการกระจายอ้านาจสู่ท้องถิ่น ภาพของ
การรับเหมาท้าแทน คิดแทนของท้องถิ่นก็สวมทับลงไปแทนบทบาทของรัฐ ประกอบกับทรัพยากรที่กฎหมาย
ยึดไปเป็นอ้านาจรัฐท้องถิ่นในการบริหารจัดการ ยิ่งท้าให้วิถีของการมีส่วนร่วมตามกรอบประชาธิปไตยชุมชน
ยิ่งลดน้อยลงไปอีก ยิ่งการผลักดันให้ชุมชนมีสิทธิชุมชนหลายประการในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา การจะ
ขับเคลื่อนให้เป็นผลจึงต้องอาศัยวิถีประชาธิปไตยชุมชนเป็นแรงผลักดันส้าคัญ แต่วิถีตามกรอบประชาธิปไตย
ชุมชนดังกล่าวจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าประชาชนขาดการร่วมแรง ร่วมใจ ที่จะคิด - ท้า - แก้ปัญหา ในบรรดา
กิจการสาธารณะของชุมชน ซึ่งการที่ชุมชนจะลุกขึ้นมาคิด - ท้า – แก้ปัญหา และร่วมแรงร่วมใจกันอีกครั้ง
จึงไม่อาจท้าได้เฉพาะการบอกให้รู้ว่าชุมชนมีสิทธิ แต่บรรดาอ้านาจในการเข้าถึง เข้าใช้ และจัดการ
ทรัพยากรชุมชน จะต้องถูกผ่องถ่ายคืนสู่ชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม ชุมชนหนองพันจันทร์นับได้ว่าเป็นชุมชน
หนึ่งที่มีเงื่อนไขและองค์ประกอบที่ท้าให้การขับเคลื่อนการใช้สิทธิชุมชนเชิงสร้างสรรค์มีความเป็นรูปธรรม
ผ่านกระบวนการและแนวคิดในลักษณะประชาธิปไตยชุมชนได้อย่างดียิ่ง
2.2 แนวคิดเรื่องทุนทางสังคมกับการจัดการทรัพยากรของชุมชน
ความสามารถของชุมชนในการบริหารจัดการทรัพยากรมีมาตั้งแต่อดีต ในฐานะที่ประชาชนและ
ชุมชนเป็นหนึ่งเดียวกับทรัพยากร ชุมชนและประชาชนในชุมชนต่างถือว่าตนเองกับทรัพยากรเกื้อกูลซึ่งกัน
และกัน บางครั้งใช้ทรัพยากรจนเสื่อมโทรมมากเกินไปก็จะน้าไปสู่กระบวนการและมรรควิธีในการฟื้นฟู
ทรัพยากร และเมื่อทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ก็อาจเกิดมรรควิธีอีกมากมายในการน้าทรัพยากรเหล่านั้นมาใช้
ประโยชน์ สร้างความมั่งคั่งให้กับผู้คนในชุมชน มรรควิธีที่เป็นพลวัตรสลับไปมาระหว่างการใช้ทรัพยากร
ท้าลายทรัพยากร และฟื้นฟูทรัพยากรนี้ถือได้ว่าเป็นความรู้ที่สั่งสมอยู่ในชุมชนมาอย่างช้านาน มรรควิธี
ดังกล่าวหาใช่เป็นเพียงมรรควิธีที่เกิดขึ้นเฉพาะในระดับปัจเจกชน แต่เป็นมรรควิธีของการรวมหมู่รวมกลุ่ม
ในอันที่จะร่วมกันแก้ปัญหาต่างๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไปด้วย การที่ชุมชนจะสามารถด้าเนินตามแนวทางหรือ
มรรควิธีดังกล่าวได้อย่างราบรื่น นอกจากจะต้องสั่งสมความรู้มาอย่างยาวนานแล้ว ชุมชนจะต้องมีการ
23