Page 28 - kpi20899
P. 28
“การถอดบทเรียนชุมชนเพื่อการปฏิรูปกระบวนการจัดการทรัพยากร : พลวัตแห่งการมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรน ้า
ในพื นที่ต้าบลหนองพันจันทร์ อ้าเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี” โดย ดร.ปริชัย ดาวอุดม และนายเจษฎา เนตะวงศ์
ประสบการณ์จริง (อรศรี งามวิทยาพงศ์, 2549 หน้า 122) ทั้งนี้ในการถอดบทเรียนนั้นสิ่งที่ต้องพิจารณา
จากการถอดบทเรียนก็คือ ประการแรก ในการท้างานที่ผ่านมาเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง ประการที่สอง
หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงการท้างานนั้นอาจไม่มีบทเรียน ประการที่สามความไม่เปลี่ยนแปลงอาจมีบทเรียน
ในทางลบก็ได้ ประการที่สี่หากมีการเปลี่ยนแปลงต้องพิจารณาว่าอะไรส้าคัญที่สุด และท้าไมจึงส้าคัญ
ระดับของการถอดบทเรียนนั้นต้องทบทวนให้ครบทั้ง 3 ระดับ คือบทเรียนระดับบุคคล บทเรียนระดับ
ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล และบทเรียนระดับกลุ่ม (ศุภวัลย์ พลายน้อย, 2551: ไม่ระบุหน้า)
ส้าหรับการวิจัยครั้งนี้ คณะผู้วิจัยได้น้าวิธีการถอดบทเรียนมาประยุกต์ใช้ ในการเก็บข้อมูล กล่าวคือ
“การถอดบทเรียนแบบเล่าเรื่อง (Story telling) เป็นการปลดปล่อยความรู้ที่ฝังลึก (tacit knowledge)
โดยมีเป้าหมายให้ผู้มีความรู้จากการปฏิบัติปลดปล่อยความรู้ที่ซ่อนในตัวตน ทั้งในจิตใต้ส้านึกและจิตส้านึก
ภายใต้บริบทที่เจาะจงนั้นทั้งในเชิงประเด็น เนื้อหา และตัวละครที่เกี่ยวข้อง กระบวนการด้าเนินงานและ
ผลที่ได้มีความจ้าเพาะสูง” (ศุภวัลย์ พลายน้อย, 2551: ไม่ระบุหน้า) ซึ่งในที่นี้คือประชาชนที่มีประสบการณ์
การจัดการน้้ามากว่า 10 ปี ในชุมชนหนองพันจันทร์
การจัดการน้้าของชุมชนหนองพันจันทร์เป็นกระบวนการที่ด้าเนินต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน มีการ
ลองถูกลองผิด และมีผู้เข้ามาเกี่ยวข้องจ้านวนมากทั้งประชาชนและเจ้าหน้าที่ในชุมชนนั่นเอง ตลอด
ระยะเวลาที่ผ่านมามีการรวบรวมหลักการ ขั้นตอน โครงสร้างของการบริหารจัดการดังกล่าวจากหน่วยงาน
แต่บรรดาความรู้ที่ฝังอยู่ในตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งประชาชนผู้ใช้น้้า ตัวแทนประชาชนในฐานะคณะกรรมการ
ผู้ใช้น้้า เจ้าหน้าที่รัฐ อบต. และผู้น้าชุมชน ล้วนแต่มีความรู้ที่เกิดจากการปฏิบัติ ซึ่งจ้าเป็นต้องอาศัยการ
ถอดบทเรียนด้วยการเล่าเรื่อง เพื่อให้กลุ่มคนเหล่านี้ได้ปลดปล่อยความรู้ออกมา นอกจากนี้การที่จะท้าให้
ได้บทเรียนและตัวแบบของการจัดการทรัพยากรน้้าตามแนวทางประชาธิปไตยชุมชนนั้น เป็นสิ่งที่ไม่อาจจะ
ค้นหาความรู้ดังกล่าวได้ด้วยการถอดบทเรียนวิธีอื่นๆ เพราะผู้วิจัยเชื่อว่าแนวทางประชาธิปไตยชุมชนไม่ได้
มีรูปแบบที่ตายตัวเพียงรูปแบบเดียว แต่จะเกิดจากการเรียนรู้จากการท้างานร่วมกันของคนในชุมชน ซึ่งจะ
สะท้อนออกมาในรูปแบบของการเล่าเรื่องนั่นเอง
นอกจากนี้ การที่ผู้วิจัยเลือกวิธีวิทยาหลักในการวิจัยโดยใช้ทฤษฎีฐานราก (Grounded theory)
ท้าให้ผู้วิจัยต้องใช้วิธีการสัมภาษณ์แบบเจาะลึกและการสนทนากลุ่ม ซึ่งเป็นวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลที่จะ
ท้าให้ผู้ให้ข้อมูลส้าคัญมีโอกาสในการเล่าเรื่องราวประสบการณ์การมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการน้้าตลอด
ระยะเวลาหลายปีของตนเองอย่างอิสระ จึงสอดคล้องกับแนวทางการถอดบทเรียนโดยการใช้การเล่าเรื่อง
27