Page 30 - kpi20899
P. 30
“การถอดบทเรียนชุมชนเพื่อการปฏิรูปกระบวนการจัดการทรัพยากร : พลวัตแห่งการมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรน ้า
ในพื นที่ต้าบลหนองพันจันทร์ อ้าเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี” โดย ดร.ปริชัย ดาวอุดม และนายเจษฎา เนตะวงศ์
หลักการส้าคัญของการสร้างทฤษฎีฐานรากคือ ผู้วิจัยจะต้องมีความไวเชิงทฤษฎี (theoretical
sensitivity) ต่อการคิดและศึกษาข้อมูลในลักษณะที่จะน้าไปสู่การสร้างมโนทัศน์ และทฤษฎี ซึ่งความไวเชิง
ทฤษฎีนี้จะต้องมีอยู่ในทุกขั้นตอนของการวิจัย ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตัวอย่างเชิงทฤษฎี (theoretical
sampling) การสร้างมโนทัศน์เชิงทฤษฎี (theoretical coding) และการหาข้อสรุปเชิงทฤษฎี (theoretical
generating) โดยอาศัยกระบวนการนี้ ทฤษฎีฐานรากจึงเป็นทฤษฎีที่มีลักษณะเฉพาะ คือเป็นทฤษฎีที่
ถูกสร้างขึ้นมาจากข้อมูลที่เป็นไปตามปรากฏการณ์จริงมากที่สุด (Gleser, 1978 อ้างถึงใน นภาภรณ์
หะวานนท์ และคณะ, 2550 หน้า 17) การสร้างมโนทัศน์เชิงทฤษฎีเป็นการสร้างความเชื่อมโยงระหว่าง
ข้อมูลกับทฤษฎี อาจกล่าวได้ว่าเป็นขั้นตอนของการวิเคราะห์ข้อมูล ในการสร้างมโนทัศน์ข้อมูลที่มีอยู่เป็น
จ้านวนมากจะถูกน้ามาแยกส่วนหรือจัดหมวดหมู่ตามคุณสมบัติ (properties) โดยการวิเคราะห์ข้อมูล
ต้องอาศัยการตีความ (interpretation) ของผู้วิจัย ดังนั้นมโนทัศน์จึงมิใช่สิ่งที่ปรากฏเห็นอยู่ในปรากฏการณ์
จริง แต่เป็นสิ่งที่ผู้วิจัยต้องสร้าง (construct) ขึ้นมาจากข้อมูล
ในกระบวนการสร้างทฤษฎีฐานราก ผู้วิจัยจะต้องท้างานใกล้ชิดกับการวิจัยทุกขั้นตอน เพราะ
กระบวนการวิจัยไม่สามารถก้าหนดล่วงหน้าได้ว่าจะเก็บข้อมูลจากใครหรือต้องการจ้านวนข้อมูลมากเท่าไร
ขั้นตอนของการวิจัยเพื่อสร้างทฤษฎีจึงไม่อาจแยกขั้นตอนของการเก็บข้อมูล การสร้างมโนทัศน์ การเชื่อมโยง
มโนทัศน์ และการหาข้อสรุปเชิงทฤษฎีเบื้องต้นได้อย่างเด็ดขาด ขั้นตอนต่างๆ นี้จะต้องท้าไปพร้อมๆ กัน ทั้งนี้
การเลือกตัวอย่างเชิงทฤษฎี (theoretical sampling) เป็นกระบวนการเก็บข้อมูลเพื่อน้าไปสู่การสร้าง
ทฤษฎี โดยผู้วิจัยจะต้องเก็บข้อมูล สร้างมโนทัศน์ รวมทั้งวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น เพื่อจะตัดสินใจได้ว่า
ยังต้องการเก็บข้อมูลใดอีกและจะเก็บจากใคร ที่ไหน เพื่อจะน้าไปสู่การสร้างทฤษฎีที่สมบูรณ์ ดังนั้น
กระบวนการเก็บข้อมูลจึงถูกก้าหนด และควบคุมโดยข้อเสนอเชิงทฤษฎี (theoretical proposition) ที่เกิด
ขึ้นมาจากการเก็บข้อมูล โดยที่กระบวนการนี้จะต้องเริ่มท้าตั้งแต่เริ่มต้นการเก็บข้อมูล ทั้งนี้เพราะการสร้าง
ทฤษฎีฐานรากเน้นการเปรียบเทียบข้อมูล มโนทัศน์ที่สร้างขึ้นจากข้อมูล รวมทั้งความเกี่ยวโยงกันระหว่าง
มโนทัศน์เป็นหลักในการสร้างทฤษฎี ซึ่งเรียกว่า ข้อเสนอเชิงทฤษฎีชั่วคราว (temporary proposition)
จากนั้นจึงตัดสินใจว่าจะน้าข้อเสนอเชิงทฤษฎีที่ได้นี้ไปใช้ทดสอบ (verify) จากใครหรือจากปรากฏการณ์ใด
โดยทั่วไปผู้วิจัยจะต้องเลือกกรณีศึกษา หรือเหตุการณ์ หรือบุคคลเพื่อการเก็บข้อมูลต่อไป ที่เชื่อว่าจะเป็น
ข้อมูลที่ไม่สนับสนุนข้อเสนอเดิม หรือเป็นกรณีที่จะน้าไปสู่การปฏิเสธข้อเสนอที่ได้สร้างขึ้นชั่วคราว
(negative case) ทั้งนี้เพื่อน้าความแตกต่างที่พบมาปรับเปลี่ยนข้อค้นพบเดิม โดยการวิจัยจะด้าเนินไป
เรื่อยๆ จนผู้วิจัยแน่ใจว่า แม้จะวิเคราะห์ข้อมูลเพิ่มขึ้น ก็ไม่ช่วยในการปรับเปลี่ยนมโนทัศน์และข้อสรุป
29