Page 93 - kpi20889
P. 93

บทที่ 4 การดําเนินงานของโรงเรียนโรงเรียนจีนในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกลาเจาอยูหัว    82



               2 บาท แพงที่สุดที่เคยปรากฏคือเดือนละ 4 บาท ถูกสุด 1 บาท คาเลาเรียนอาจจะแตกตางกันในแตละ

               ระดับชั้น หรือขึ้นอยูวากินอยูหลับนอนที่โรงเรียนหรือไม แตที่ไมเก็บคาเลาเรียนเลยก็มี เชน ในกรณีของ
               โรงเรียนหวาหนําที่ไมมีการเก็บคาเลาเรียนนักเรียนเพราะตองการชวยเหลือเด็กนักเรียนที่ขาดแคลนทุนทรัพย

                                             26
               ไมสามารถเขาเรียนเพื่อการศึกษาได25
                       อยางไรก็ดี เปนที่นาสังเกตวา คาเลาเรียนในชวงป พ.ศ. 2470-2475 (ค.ศ. 1927-1932) โดยเฉลี่ย
               เพิ่มสูงขึ้น จากเดิมที่สวนใหญจะเก็บเดือนละ 2 บาท ก็ขึ้นเปน 3 บาท แพงที่สุด 5 บาท สันนิษฐานวาเปน

                                                                                   27
               เพราะคาครองชีพที่สูงขึ้น รวมถึงผลกระทบจากปญหาเศรษฐกิจในสมัยรัชกาลที่ 726
                       แมวาจะมีความพยายามในการหารายไดใหกับโรงเรียน แตทวา หลายโรงเรียนก็ยังมีรายไดไมพอกับ
               รายจาย ดังที่ อัมพร เอี่ยมสุรีย กลาวไวในหนังสือ เหียกวงเอี่ยม: วีรชนจีนโพนทะเล ถึงผลกระทบจากการขาด

               แคลนรายไดของโรงเรียนซิงมิ้ง


                              โรงเรียนซิงมิ้งในกรุงเทพฯ กอตั้งขึ้นในป พ.ศ. 2470 ตอนเริ่มเปดโรงเรียนมีนักเรียนเพียง

                      40-50 คนเทานั้น เก็บคาเลาเรียนเดือนละ 3 บาท โรงเรียนจึงมีรายไดเพียงเดือนละ 150 บาท เงิน

                      จํานวนนี้พอจายคาเชาเทานั้น จึงมีปญหาขาดเงินหมุนเวียนเปนประจํา ครูที่โรงเรียนแหงนี้ตองทํางาน
                      หนักมาก รายไดก็ไมพอคาครองชีพ หนําซ้ําโรงเรียนยังไมมีเงินจายเงินเดือนอยูบอย ๆ ชีวิตความ

                      เปนอยูของครูเหลานี้ลําบากยากเข็ญมาก ครูบางคนจึงถึงกับอาศัยโรงเรียนเปนที่พักพิง ตกกลางคืนก็

                      ปูเสื่อนอนกันเอาตามระเบียงโรงเรียนนั่นเอง27
                                                           28


                       4.2.5 การเปดรับสมัครนักเรียนของโรงเรียนจีน


                       โดยทั่วไป โรงเรียนจีนแมจะเปดสอนภาษาจีนเหมือนกัน แตภาษาจีนที่สอนก็จะเปนภาษาจีนทองถิ่น

               ตามแตละโรงเรียนแตกตางกันไป ขึ้นอยูกับวาผูที่ตั้งโรงเรียนนั้นเปนคนสัญชาติอะไร และโดยปกติ โรงเรียน
               ไหนสอนภาษาจีนทองถิ่นใด นักเรียนที่มาเรียนก็จะนักเรียนสัญชาตินั้น ดังเชนโรงเรียนซินหมิน (ที่ไดกลาวถึง

               ในบทที่ 2) ที่แมไมจํากัดวารับนักเรียนจีนชาติใด แตเนื่องจากสอนเปนภาษาแตจิ๋ว จึงทําใหนักเรียนสวนใหญ

               เปนชาวแตจิ๋วไปดวย ซึ่งในที่สุดแลว โรงเรียนแตละโรงเรียนเปนของกลุมภาษาไหน ก็จะสอนนักเรียนที่อยูใน
               กลุมภาษาเดียวกันนั้น ๆ ซึ่งแสดงใหเห็นถึงการแบงแยกทางกลุมภาษาของชาวจีนในสยามอยางชัดเจน แมจะ







                       26  สมาคมศิษยเกากวองสิว, รําลึกโรงเรียนแม (ม.ป.ท., ม.ป.ป.), 10.
                       27  รวิพรรณ จารุทวี, โรงเรียนจีนในมณฑลกรุงเทพฯ พ.ศ. 2461-2475, 115.
                       28  อัมพร เอี่ยมสุรีย, เหียกวงเอี่ยม: วีรชนจีนโพนทะเล, แปลโดย เสาวคนธ รัตนวิจิตราศิลป (กรุงเทพฯ: บานพระ

               อาทิตย, 2548), 98.
   88   89   90   91   92   93   94   95   96   97   98