Page 168 - kpi20764
P. 168
ปัญห�ก�รปรับปรุงกฎหม�ยที่มีผลใช้บังคับอยู่ต�มแนวท�งปฏิรูปประเทศไทยต�มรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้�นกฎหม�ยและกระบวนก�รยุติธรรม: ก�รเสริมประสิทธิภ�พ
ด้�นก�รคุ้มครองของผู้ให้ข้อมูล (Whistleblower) ที่เกี่ยวข้องกับก�รทุจริต ก�รกระทำ�ที่ไม่ชอบด้วยกฎหม�ย และก�รใช้อำ�น�จไม่ถูกต้องซึ่งกระทบต่อประโยชน์ส�ธ�รณะ 167
ละเว้นการกระทำาที่เป็นการออกคำาสั่งของหน่วยงาน หรือข่มขู่ว่าจะ
กระทำาเช่นนั้นต่อลูกจ้าง เพราะเหตุที่ลูกจ้างได้อุทธรณ์ ร้องเรียน หรือ
ขอใช้สิทธิร้องทุกข์กล่าวโทษ หรือการกระทำาหรือละเว้นการกระทำา
ที่เป็นการออกคำาสั่งของหน่วยงาน ต่อลูกจ้างอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย
กฎ หรือข้อบังคับที่เป็นไปตามหลักการของระบบคุณธรรม
เงื่อนไขในการให้ความคุ้มครองผู้แจ้งข้อมูลหรือเบาะแส
ตามกฎหมาย WPA มาใช้บังคับนั้นต้องประกอบด้วยเงื่อนไขสำาคัญ 3 ประการ
ก่อนจะนำาไปสู่การพิจารณาถึงการกระทำาที่ไม่ถูกต้องต่อบุคลากรหรือ
การเริ่มต้นของกระบวนการตามกฎหมาย คือ 1) พนักงานหรือเจ้าหน้าที่
ของรัฐต้องเป็นผู้ที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย 2) การเปิดเผยข้อมูล
ต้องเป็นการเปิดเผยที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย และ 3) มีการ
ออกคำาสั่งของหน่วยงานกับบุคลากร พนักงาน หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ
หากเงื่อนไขประการใดประการหนึ่งขาดตกบกพร่องไปก็จะส่งผลให้การนำา
การให้ความคุ้มครองผู้แจ้งข้อมูลหรือเบาะแสมาใช้บังคับนั้นไม่สามารถ
กระทำาได้ตามกฎหมาย WPA ฉะนั้นจึงจำาเป็นต้องพิจารณาถึงเงื่อนไข
ต่างๆ อย่างละเอียดเพื่อให้สามารถเข้าใจถึงกลไกตามกฎหมายของ
มาตรการให้ความคุ้มครองผู้แจ้งข้อมูลหรือเบาะแสตามกฎหมาย WPA
สำาหรับเงื่อนไขที่หนึ่งว่าด้วยพนักงานหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐทีได้รับ
การคุ้มครองตามกฎหมาย (Covered Employees) นั้น กฎหมายได้
กำาหนดเอาไว้อย่างชัดเจนว่าการเปิดเผยข้อมูลหรือแจ้งเบาะแสต่อ
เจ้าหน้าที่ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจาก OSC หรือ OSC มีคำาสั่งให้มีการสืบสวน
หรือเรียกให้มีการแสดงรายงานข้อเท็จจริงจากหัวหน้าในหน่วยงานรัฐ
ก็ตาม จำาเป็นที่ข้อมูลหรือเบาะแสที่ได้รับต้องเป็นข้อมูลหรือเบาะแส
ที่ได้รับจากพนักงานหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย
inside_WhistleBlower_c1(cs5).indd 167 13/2/2562 16:41:45

