Page 109 - kpi20764
P. 109
108
ต่อมา ในปีพุทธศักราช 2546 จึงได้มีพระราชบัญญัติคุ้มครองพยาน
ในคดีอาญา พุทธศักราช 2546 ขึ้นใช้บังคับกับคดีอาญาทุกประเภทและ
กับพยานบุคคลทุกสถานะ มีมาตรการคุ้มครองพยาน 2 มาตรการ คือ
มาตรการทั่วไป ได้แก่ การจัดเจ้าหน้าที่ดูแลความ ปลอดภัย หรือให้
พยานอยู่ในที่ปลอดภัย หรือปกปิดข้อมูลที่สามารถระบุตัวพยานได้ และ
มาตรการพิเศษซึ่งใช้คุ้มครองคดีที่สำาคัญ 6 กลุ่ม โดยวิธีการพิเศษ ได้แก่
การย้ายที่อยู่ จ่ายค่าเลี้ยงชีพ เปลี่ยนหลักฐานทางทะเบียน จัดเจ้าหน้าที่
คุ้มครองความปลอดภัย เป็นต้น ซึ่งนำามาใช้คุ้มครองพยานในคดีความผิด
ต่อตำาแหน่งหน้าที่หรือทุจริตต่อหน้าที่ตามมาตรา 54 แห่งพระราชบัญญัติ
มาตรการของฝ่ายบริหารในการปราบปรามการทุจริต พุทธศักราช 2551
และมาตรา 103/2 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย
การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พุทธศักราช 2542 แก้ไขเพิ่มเติม
(ฉบับที่ 2) พุทธศักราช 2554 แต่เนื่องจากมาตรการทั่วไปหรือมาตรการ
พิเศษตามพระราชบัญญัติคุ้มครองพยานในคดีอาญา พุทธศักราช 2546
ยังไม่เพียงพอและเหมาะสมที่จะใช้คุ้มครองเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เป็น
ผู้กล่าวหา หรือให้ถ้อยคำา หรือแจ้งเบาะแสหรือข้อมูลในคดีความผิด
ต่อตำาแหน่งหน้าที่หรือทุจริตต่อหน้าที่ให้พ้นจากการถูกกลั่นแกล้งหรือ
การปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมจากผู้บังคับบัญชาได้ จึงมีมาตรการทางกฎหมาย
ที่ใช้ในการคุ้มครองเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นผู้กล่าวหา หรือให้ถ้อยคำา หรือ
66
การดำาเนินการทางวินัยของข้าราชการพลเรือนสามัญ ตามกฎ ก.พ. ว่าด้วยการดำาเนิน
การทางวินัย พัชรา เพ็ชรทวี. (มาตรการคุ้มครองพยานในการดำาเนินการทางวินัยตาม
พระราชบัญญัติระเบียบ ข้าราชการพลเรือน พุทธศักราช 2556). สืบค้นเมื่อ 26 มีนาคม
2560, จากhttp://www.ocsc.go.th/sites/default/fi les/document/hnangsuuekdk.ph_.waa
dwykaardameninkaarthaangwinayph.s.2556_1.pdf
inside_WhistleBlower_c1(cs5).indd 108 13/2/2562 16:41:42