Page 104 - kpi20764
P. 104
ปัญห�ก�รปรับปรุงกฎหม�ยที่มีผลใช้บังคับอยู่ต�มแนวท�งปฏิรูปประเทศไทยต�มรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้�นกฎหม�ยและกระบวนก�รยุติธรรม: ก�รเสริมประสิทธิภ�พ
ด้�นก�รคุ้มครองของผู้ให้ข้อมูล (Whistleblower) ที่เกี่ยวข้องกับก�รทุจริต ก�รกระทำ�ที่ไม่ชอบด้วยกฎหม�ย และก�รใช้อำ�น�จไม่ถูกต้องซึ่งกระทบต่อประโยชน์ส�ธ�รณะ 103
ในการข่มขู่หรือแก้แค้น เช่น คนเร่ร่อนเก็บขยะข้างถนนฆ่าคนเร่ร่อน
เก็บขยะด้วยกันเนื่องจากแย่งเก็บขยะข้างถนน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำารวจ
สายตรวจเป็นประจักษ์พยาน จะเห็นได้ว่า ผู้กระทำาผิดแทบไม่มีโอกาส
จะทำาอะไรพยานได้เลย พฤติการณ์แห่งคดีไม่น่าจะต้องคุ้มครองพยาน
แต่ถ้าเป็นการกระทำาผิดขององค์กรอาชญากรรมที่มีสมาชิก เงินทุน
และโอกาสในการข่มขู่หรือแก้แค้นได้สูง ก็ย่อมมีความจำาเป็นที่จะต้อง
ให้ความคุ้มครองพยานเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นหลักเกณฑ์การพิจารณาว่า
กรณีใดสมควรจะให้ความคุ้มครองพยานบุคคลหรือไม่จึงต้องพิจารณา
ทั้งอัตราโทษ ฐานะผู้กระทำาผิด ปัจจัยสนับสนุนในการข่มขู่หรือแก้แค้น
หรือพฤติการณ์อื่นๆ ประกอบกัน สำาหรับมาตรการของรัฐในการให้
ความปลอดภัยแก่พยานบุคคลนั้น สิ่งที่ควรนำามาพิจารณาเป็นอย่างยิ่ง
คือทฤษฎีเหยื่ออาชญากรรม โดยพิจารณาว่าโอกาสที่ทำาให้บุคคล
ตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมนั้น เกิดจากการกระทำาของตัวเหยื่อเอง
และเกิดจากสภาพแวดล้อม หรือการขาดความคุ้มกัน แต่เนื่องจาก
การข่มขู่ หรือแก้แค้นดังกล่าวเกิดจากความจงใจที่มีการวางแผนไตร่ตรอง
ของผู้กระทำาผิดในการค้นหาตัวเหยื่ออีกด้วย จึงต้องใช้มาตรการปกปิด
ข้อมูลสำาหรับเหยื่อด้วย ทั้งนี้ต้องพิจารณาประกอบสภาพภูมิศาสตร์
สภาพสังคมประกอบด้วย เพราะแต่ละสังคมมีความแตกต่างกันในเรื่อง
รูปแบบความสัมพันธ์ของคนในสังคม เช่น สังคมชนบทภายในหนื่ง
หมู่บ้านทุกคนรู้จักกันหมด ไม่ว่าจะปกปิดข้อมูลส่วนบุคคลอย่างไรก็ยัง
สามารถรู้กันได้ว่าใครเป็นใคร หากคนในหมู่บ้านนั้นกระทำาผิด และคนใน
หมู่บ้านเดียวกันเป็นพยาน การปกปิดข้อมูลเพียงอย่างเดียวไม่สามารถ
คุ้มครองพยานได้ จำาเป็นต้องใช้มาตรการย้ายที่อยู่ซึ่งก็คงต้องย้าย
ทั้งวงศ์ตระกูลเพราะบริบทสังคมไทยนั้น ความผูกพันระหว่างเครือญาติ
มีความแน่นแฟ้นและมีความต้องการในการติดต่อช่วยเหลือเกื้อกูล
inside_WhistleBlower_c1(cs5).indd 103 13/2/2562 16:41:42