Page 24 - kpi20761
P. 24
การพัฒนาและปรับปรุงบทบัญญัติกฎหมายแรงงานไทยให้สอดคล้องกับหลักการสากลและแนวทางปฏิรูปประเทศ 23
และด้วยเสรีภาพที่ผู้ประกอบการมีอยู่อย่างกว้างขวาง อีกทั้งอ�านาจในทาง
การเงินที่มากกว่าท�าให้บุคคลกลุ่มนี้สามารถจ้างแรงงานและก�าหนด
เงื่อนไขการท�างานได้ตามอ�าเภอใจ ดังปรากฏว่ามีการจ้างแรงงานเด็กอายุ
ต�่ากว่า ๘ ขวบเข้าท�างาน มีการจ้างงานด้วยชั่วโมงการท�างานที่สูงกว่า
๑๒ ชั่วโมงต่อวัน มีการใช้แรงงานสตรีที่ตั้งครรภ์ในสภาพแวดล้อม
ที่ไม่เป็นมิตรกับสถานะความเป็นมารดา จนกระทั้งในปี ค.ศ. ๑๘๓๓
อังกฤษจึงเป็นประเทศแรกที่ออกกฎหมายโรงงาน โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับ
ก�าหนดวันเวลา การจ่ายค่าตอบแทนลูกจ้าง และการจ้างลูกจ้างเด็กและสตรี
ในสถานประกอบการอุตสาหกรรม จากนั้นอีกประมาณ ๒๐ ปีประเทศ
ต่างๆ ในยุโรปก็ได้มีการตรากฎหมายในลักษณะดังกล่าวนี้ออกมา
บังคับใช้เช่นกัน ซึ่งถือได้ว่าเป็นต้นก�าเนิดของกฎหมายแรงงานปัจจุบัน
๗
ที่อยู่ในรูปของกฎหมายอุตสาหกรรมนั่นเอง
วิวัฒนำกำรของกฎหมำยแรงงำน ก่อนสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
สิ้นสุด การพัฒนากฎหมายแรงงานยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในภาค
อุตสาหกรรม โดยแต่ละประเทศได้ประกาศใช้กฎหมายที่มีเนื้อหาแตกต่าง
กันตามสภาพเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนความต้องการของรัฐในการ
บริหารจัดการแรงงาน โดยไม่มีเกณฑ์หรือข้อตกลงกลางที่เป็นสากล
แต่อย่างใด จนกระทั่งสงครามโลกครั้งที่ ๑ สิ้นสุดลง นานาชาติได้ตระหนัก
ถึงความส�าคัญของการแรงงานว่าไม่ใช่ประเด็นปัญหาภายในเท่านั้น
แต่การใช้แรงงานด้วยเงื่อนไขที่แตกต่างกันโดยไม่มีกฎเกณฑ์กลางย่อมท�าให้
เกิดข้อพิพาทที่ลุกลามระดับโลกได้ ดังนี้ การลงนามในสนธิสัญญาแวร์ซายส์
๗ ศุภศิษฏ์ ทวีแจ่มทรัพย์, หน่วยที่ ๑ วิวัฒนำกำร แนวคิด และหลักกำรกำรใช้กฎหมำย
แรงงำน, เอกสารการสอนชุดวิชา กฎหมายแรงงาน, หน่วยที่ ๑ – ๗, มหาวิทยาลัยสุโขทัย
ธรรมาธิราช, ฉบับปรับปรุงครั้งที่ ๒, ๒๕๕๕, หน้า ๑ -๑๐.
inside_ThLabourLaw_c1-2.indd 23 13/2/2562 16:24:07