Page 33 - kpi20680
P. 33
11
การจัดทํา การกําหนดเป้าหมาย ระยะเวลาที่จะบรรลุเป้าหมาย และสาระที่พึงมีใน
ยุทธศาสตร์ชาติให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กฎหมายบัญญัติ ทั้งนี้ กฎหมายดังกล่าวต้องมี
บทบัญญัติเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมและการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทุก ภาคส่วนอย่างทั่วถึง
ด้วย ยุทธศาสตร์ชาติ เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้ บังคับได้”
จากบัญญัติดังกล่าวจะเห็นได้ว่าแนวนโยบายแห่งรัฐของรัฐธรรมนูญฉบับ ปัจจุบันได้ให้
ความสําคัญกับการบัญญัติการจัดทํายุทธศาสตร์ชาติไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นบทบัญญัติ สูงสุดของ
กฎหมายภายในประเทศไทย โดยบทบัญญัติดังกล่าวมีผลให้มีการตราพระราชบัญญัติการจัดทํา
ยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ.2560 เพื่อกําหนดกระบวนการจัดให้มีแผนยุทธศาสตร์ชาติ โดยเป็นแผน ระยะ
ยาวไม่น้อยกว่า 20 ปี และได้กําหนดให้มีคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติกําหนดแผนดังกล่าว เสนอ
ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา ซึ่งถือได้ว่าคณะกรรมการดังกล่าวมีอํานาจหน้าที่สําคัญมาก หรือ อาจจะ
เรียกได้ว่าสามารถกําหนดกรอบนโยบายการบริหารราชการแผ่นดินในระยะยาวมีผลผูกพันต่อ การ
ดําเนินงานของหน่วยงานรัฐซึ่งรวมถึงรัฐสภา ศาล องค์กรอิสระและองค์อื่นๆด้วย นอกจากนี้มีผล
ผูกพันต่อการจัดทํางบประมาณรายจ่ายประจําปีให้ต้องสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์และต้องมี
กระบวนการติดตามตรวจสอบ หากไม่ดําเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติโดยกําหนดความรับผิดแก่
หัวหน้าหน่วยงานของรัฐนั้น ทั้งทางอาญาและวินัยด้วยเช่นกัน (พิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส, 2559)
ด้วยเหตุนี้เห็นว่าการกําหนดให้มีการจัดทําแผนยุทธศาสตร์ชาติการให้อํานาจแก่
คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติในการกําหนดแนวทางการบริหารราชการแผ่นดิน ทําให้
คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติดังกล่าวอาจจะมีอํานาจมากกว่าคณะรัฐมนตรีที่เป็นผู้กําหนดและวาง
แนวทางการบริหารราชการแผ่นดิน กลายเป็นอุปสรรคและกลไกในการควบคุมคณะรัฐมนตรีใน
การ บริหารราชการแผ่นดินอีกช่องทางหนึ่งมากกว่าการส่งเสริม ประกอบกับผลผูกพันของแผน
ยุทธศาสตร์ ชาติต่อหน่วยงานของรัฐทุกหน่วยงานดูจะเป็นการขัดกับหลักการและเจตนารมณ์ของ
หมวด แนวนโยบายแห่งรัฐที่เป็นเพียงแนวทางการกําหนดนโยบายการบริหารราชการแผ่นดินของ
คณะรัฐมนตรีและไม่ก่อให้เกิดสิทธิในการฟ้องรัฐ
ในส่วนของการวิเคราะห์เจตนารมณ์ของบทบัญญัติรัฐธรรมนูญว่าด้วยหน้าที่ของรัฐตาม
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 จะใช้หลักการตีความตามเจตนารมณ์เป็น
เครื่องมือในการวิเคราะห์โดยการตีความตามเจตนารมณ์เป็นวิธีการหยั่งทราบความหมายของถ้อยคํา
ในบทกฎหมายจากเจตนารมณ์หรือความมุ่งหมายของกฎหมายนั้นๆ เหตุผลที่มีหลักการตีความตาม
เจตนารมณ์เนื่องจากหลักที่ว่า กฎหมายที่ได้บัญญัติขึ้นนั้นก็เพื่อจะให้เป็นไปตามเจตนารมณ์หรือ
ความมุ่งหมายอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วเลือกเฟ้นถ้อยคํามาใช้เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์หรือความ
มุ่งหมายดังกล่าว โดยเหตุนี้เมื่อหยั่งทราบเจตนารมณ์หรือความมุ่งหมายแล้ว ก็สามารถทราบ