Page 259 - kpi19903
P. 259
224
ดังนั้นจึงตั้งสมมติฐานการวิจัย ดังนี้
H3: ความเป็นเมืองในมุมมองของสถานภาพเศรษฐกิจสังคม และ ความหนาแน่น สัมพันธ์เชิงลบกับ
สัดส่วนการเลือกพรรคเพื่อไทย
H4: ความเป็นเมืองในมุมมองของสถานภาพเศรษฐกิจสังคม และ ความหนาแน่น สัมพันธ์เชิงบวกกับ
สัดส่วนการเลือกพรรคประชาธิปัตย์
14.3.2 ความเป็นภูมิภาคนิยม (Regionalism) และการแบ่งขั้วทางการเมือง
ความเป็นภูมิภาคนิยมในการเลือกตั้งเป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยอย่างชัดเจน พรรคเพื่อ
ไทยมีฐานเสียงอยู่ที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์มีฐานเสียงอยู่ที่
ภาคใต้และเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ ผู้คนมักจะลงคะแนนเสียงให้กับผู้แทนที่มีถิ่นที่อยู่อาศัยเดียวกับตนและ
ต่อต้านพรรคฝ่ายตรงข้ามเพื่อที่จะเพิ่มอัตลักษณ์ทางสังคมและการเป็นสมาชิกภายในกลุ่ม การศึกษาที่ผ่าน
มายังพบว่าคนชนบทโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่อพยพย้ายเข้ามาหางานท าในกรุงเทพฯ
มักรู้สึกแปลกแยกจากคนเมือง เนื่องจากมักถูกเรียกว่า คนลาว (ยงยุทธ บุราสิทธิ์, 2556)
พรรคเพื่อไทยถูกก่อตั้งและอยู่ภายใต้การบริหารของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นคน
ภาคเหนือ เขาได้วางนโยบายสาธารณะที่ส่งผลกระทบในวงกว้างต่อความคิดของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
นโยบายบัตรประกันสุขภาพ 30 บาท ในปี 2011 ทฤษฎีการตัดสินใจเลือกอย่างมีเหตุผล (Rational Choice
Theory) สามารถอธิบายการเลือกพรรคการเมืองของคนชนบทได้ว่า ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจะพิจารณาพรรค
การเมืองที่ให้ประโยชน์แก่ตนมากที่สุด นั่นคือพรรคเพื่อไทย พรรคนี้ได้รับความนิยมและความเชื่อใจอย่างมาก
ในคนที่มีถิ่นอาศัยในชนบทโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในทางกลับกันพรรคประชาธิปัตย์ได้รับการสนับสนุนอย่างมหาศาลจากคนที่มีถิ่นที่อยู่อาศัยในภาคใต้
เนื่องมาจากพรรคนี้ถือได้ว่าเป็นสถาบันทางการเมืองที่มีบทบาทในการเลือกตั้งของประเทศไทยมาอย่าง
ยาวนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีนายกรัฐมนตรีที่เป็นคนใต้ ความซื่อสัตย์สุจริตและผลงานในการท างานท าให้
คนใต้รู้สึกภาคภูมิใจกับตัวแทนของตน (Kitiarsa, 2009; จิราภรณ์ ด าจันทร์, 2547) ภาคใต้ถือได้ว่ามีความ
จงรักภักดี (Brand Loyalty) ต่อพรรคประชาธิปัตย์อย่างมาก เห็นได้จากการไม่เปิดโอกาสให้พรรคอื่นเข้ามามี
บทบาทในพื้นที่ภาคใต้ยกเว้นพรรคประชาธิปัตย์ นอกจากนี้แม้ว่าคนใต้จะอพยพเข้าไปหางานท าในกรุงเทพฯ
แต่พวกเขายังคงสนับสนุนตัวแทนทางการเมืองในถิ่นที่อยู่เดิมของตนเองอย่างเหนียวแน่น ปรากฏการณ์นี้
เกิดขึ้นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเช่นกัน (ยุทธพร อิสรชัย, 2554) ในขณะที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่อาศัย
ในเขตเมือง คนส่วนใหญ่มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีอยู่แล้ว ดังนั้นความสามารถของพรรคการเมืองจึงมีผลต่อการ
ตัดสินใจเลือกผู้แทนมากกว่าผลประโยชน์ส่วนตนที่คาดว่าจะได้รับ
ทฤษฎีหัวใจแห่งดินแดน (Heartland theory) ซึ่งเป็นทฤษฎีภูมิรัฐศาสตร์ สามารถใช้อธิบายการเลือกตั้ง
ได้ว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือและกรุงเทพฯ เป็นหัวใจส าคัญของประเทศไทย กรณีของภาคตะวันออกเฉียง
เหนือซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนชนบทมีจ านวนประชากรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือคิดเป็น 1 ใน 3 ของประชากร