Page 255 - kpi19903
P. 255
220
2554) ในการศึกษาพฤติกรรมการเลือกตั้งที่ผ่านมา ความเป็นเมืองถูกพิจารณาในแง่ของตัวแปรถิ่นที่อยู่อาศัย
ใน 2 รูปแบบคือ เขตเทศบาล และขอบเขตจังหวัด โดยจังหวัดกรุงเทพฯเป็นตัวแทนของเขตเมือง และจังหวัด
อื่นๆเป็นตัวแทนเขตชนบท (Thananithichot, 2012; ปราโมทย์ ประสาทกุล, สุรีย์พร พันพึ่ง, & ปัทมา
ว่าพัฒนวงศ์, 2550)
การศึกษานี้จึงพยายามพัฒนาตัวชี้วัดซึ่งมีมุขส าคัญหลายมิติในการวัดความเป็นเมือง โดยใช้เทคนิคทาง
สถิติการวิเคราะห์มุขส าคัญ (Principle component Analysis: PCA) จัดกลุ่มตัวแปรที่สัมพันธ์กันไว้ด้วยกัน
แล้วสร้างตัวแปรใหม่ เพื่อเป็นตัวชี้วัดความเป็นเมืองในด้านต่างๆ (Mehaina, El-Bastawissi, & Ayad, 2016)
ทฤษฎีสองนคราประชาธิปไตย เป็นทฤษฎีที่ใช้กันอย่างกว้างขวางในการอธิบายการเมืองของประเทศไทย
ในปี 2533-2536 กลุ่มคนชนบทซึ่งเป็นฐานเสียงของประเทศ ถูกมองว่าอยู่ภายใต้ระบบอุปถัมภ์ ซื้อสิทธิ์ขาย
เสียง มองการเลือกตั้งเป็นเพียงเครื่องมือในการหาประโยชน์ ในขณะที่ชนชั้นกลางโดยเฉพาะคนเมือง คือกลุ่ม
คนที่เลือกผู้แทนจากความสามารถในการบริหารประเทศ ถูกมองว่าเป็น “ฐานนโยบาย” (เอนก เหล่าธรรม
ทัศน์, 2556) จากทฤษฎีนี้เห็นได้ว่ามีการแบ่งแยกทางการเมืองระหว่างคนเมืองและคนชนบทอย่างเห็นได้ชัด
ดังนั้นการศึกษานี้จึงศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความเป็นเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้ง เพื่อให้เข้าใจบริบท
ของการเมืองไทยมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ความเป็นภูมิภาคนิยมของการเลือกตั้งในประเทศไทยยังคงปรากฏ
อย่างเห็นได้ชัด ภาคใต้มีแนวโน้มเลือกพรรคประชาธิปัตย์ และผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในภาคเหนือและภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือมีแนวโน้มเลือกพรรคเพื่อไทย (อรรถสิทธิ์ พานแก้ว, 2550) การขัดเกลาทางการเมืองและ
ตัวช่วยที่ท าให้สามารถตัดสินใจภายใต้ข้อมูลที่มีอย่างจ ากัด เช่น ภาพลักษณ์ของพรรคการเมือง มีผลกระทบ
โดยตรงต่อการตัดสินใจลงคะแนนเสียงของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งอย่างมาก (ยุทธพร อิสรชัย, 2554) จากทฤษฎีการ
ตัดสินใจเลือกอย่างมีเหตุผล (Downs, 1957b) เห็นได้ว่าการแบ่งแยกระหว่างชนบท-เมือง และความเป็น
ภูมิภาคนิยม ยังคงปรากฏอยู่ เนื่องมาจากผู้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งมีความแตกต่างกันในเรื่องการมีอ านาจทางการเมือง
เพื่อที่จะได้รับอรรถประโยชน์สูงสุดผ่านการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตามยังไม่มีหลักฐานชัดเจนที่ชี้ถึงการแบ่งแยก
ระหว่างเมืองกับชนบท และการแบ่งแยกระหว่างภูมิภาค ที่มีผลต่อพฤติกรรมการเลือกตั้งในประเทศไทย
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ พัฒนาตัวชี้วัดความเป็นเมือง 1 ( 2) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความเป็น
เมือง ความเป็นภูมิภาคนิยม กับพฤติกรรมการเลือกตั้ง การพัฒนาเมืองควรมีการควบคุมเพื่อให้เมืองพัฒนา
เป็นไปอย่างยั่งยืน และเป็นการลดความขัดแย้งระหว่างกลุ่มคนต่างๆ (เอนก เหล่าธรรมทัศน์, 2556) มิเช่นนั้น
ความไม่เท่าเทียมและการแบ่งแยกของกลุ่มคนอาจมีมากขึ้น (Li, Wang, Zhu, & Zhao, 2014( ผลจาก
การศึกษานี้สามารถเป็นแนวทางในการพัฒนาเมือง การพัฒนาการเมือง และเป็นแนวทางในการวางนโยบาย
ของพรรคการเมือง นอกจากนี้ในเชิงทฤษฎีงานวิจัยนี้ช่วยอธิบายทฤษฎีสองนคราประชาธิปไตยจากเดิมที่
กล่าวถึงการแบ่งแยกทางเมืองของกลุ่มคนชนบทและเมือง ไปสู่ การแบ่งแยกทางการเมืองแบบภูมิภาคนิยม ซึ่ง
จะท าให้เข้าใจปรากฏการณ์ทางการเมืองไทยได้ชัดเจนยิ่งขึ้น