Page 51 - kpi19842
P. 51
“กระบวนการเป็นผู้น าแบบทางการและการมีส่วนร่วมทางการเมืองท้องถิ่นของกลุ่มชาติพันธุ์ชาวไทยภูเขา กรณีศึกษากลุ่มชาติพันธุ์
ชาวไทยภูเขา อ าเภอคลองลาน จังหวัดก าแพงเพชร” โดย โอกามา จ่าแกะ ผศ.ณัฏฐวุฒิ ทรัพย์อุปถัมภ์ ชลกานดาร์ นาคทิม
สมาชิกในกลุ่มใช้สื่อสารกันได้ นิทานหรือนิยายที่สมาชิกในกลุ่มเชื่อว่ามีจุดก าเนิดร่วมกัน และบริบททาง
ประวัติศาสตร์ที่สมาชิกในกลุ่มประสบมาด้วย เป็นต้น นอกจากนั้นแล้ว Keyes ยังได้ขยายบริบท
ความสัมพันธ์ และการปรับเปลี่ยนความเป็นอัตลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์ที่กว้างออกไปกว่างานของคนอื่นๆ
นั่นคือ การพิจารณาถึงอิทธิพลของรัฐชาติสมัยใหม่
เช่นเดียวกับงานศึกษาของ Tapp (1989) ที่น าเสนอว่า จิตส านึกทางประวัติศาสตร์ (historical
consciousness) เป็นส่วนหนึ่งในการก าหนดอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์ (ethic identity) โดยคนในกลุ่ม
ชาติพันธุ์จะเลือกเอาบางสถานการณ์หรือเรื่องราวบางเรื่องที่มีนัยส าคัญต่อตนเอง (แต่อาจไม่เป็นความจริง
ในประวัติศาสตร์) มาท าให้เป็นความจริงทางประวัติศาสตร์ของกลุ่มชาติพันธุ์
ดังนั้น การให้ความหมายและแนวคิดเกี่ยวกับอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์ของนักวิชาการต่างๆ ผู้ศึกษา
จะน าแนวคิดดังกล่าวมาปรับใช้ เพื่อที่จะดูว่าสิ่งใดที่เป็นตัวก าหนดอัตลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์ เพื่อแยก
ความแตกต่างจากคนที่ไม่ใช่กลุ่มชาติพันธุ์ว่ามีอะไรบ้าง เช่น ความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ ภาษา หรือ
จารีต ประเพณี วัฒนธรรมต่าง ๆ
ส่วนอัตลักษณ์ในแง่มุมของแนวคิดหลังสมัยใหม่นั้น เป็นสิ่งที่ได้กล่าวแล้วว่าอิทธิพลส าคัญคือ
แนวคิดทางทฤษฎีสัญลักษณ์สัมพันธ์ แต่ทัศนะในเรื่องของความตายตัวขององค์ความรู้ในเรื่องอัตลักษณ์
ไม่ใช่สิ่งที่ตายตัวและอธิบายได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ความเป็นผู้ศึกษา และผู้ถูกศึกษา เป็นส่วนที่สลับกัน
ไปกันมาอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นสิ่งที่เราจะแสดงออกอย่างไรขึ้นอยู่กับวาทกรรมหลักของสังคมในตอนนั้น
ประกอบด้วย ซึ่งวาทกรรมคือส่วนที่ถูกสร้างให้เป็นความจริง และความถูกต้องของสังคม ซึ่งวาทกรรม
หนึ่งๆ แสดงออกเพื่อปิดทับวาทกรรมอื่นๆ ไม่ให้ปรากฏออกมาได้ ในที่นี้บริบททางเวลาและสถานที่จึงเป็น
ส่วนส าคัญในการสร้างวาทกรรม ดังนั้นอัตลักษณ์ในที่นี้จึงเป็นสิ่งที่ยืดหยุ่นได้ตามสถานการณ์ สถานที่
โดยนัยนี้ขึ้นอยู่กับความคิด และวาทกรรมหลักของสังคมในช่วงเวลาและพื้นที่ดังกล่าวนั่นเอง
ส่วนในเรื่องการให้นิยามความหมายของ “ชนกลุ่มน้อย ชาวเขา และชนเผ่า” ซึ่งล้วนแล้วแต่มีนัย
ที่แสดงถึงความเป็นอื่นและความด้อยกว่าทั้งในเชิงอ านาจและเชิงวัฒนธรรม หากเปรียบเทียบกับคนกลุ่ม
ใหญ่ เพราะการให้นิยามความหมาย มีลักษณะหยุดนิ่งตายตัว และไม่ได้ให้ความสนใจต่อความเป็นตัวตน
ความเคลื่อนไหว และการเปลี่ยนแปลงของกลุ่มชนต่างๆ นอกจากการพยายามที่จะดูดกลืนทางวัฒนธรรม
ให้กลายเป็นคนส่วนใหญ่ เพราะฉะนั้นในปัจจุบันนี้วงการวิชาการต่างๆ จึงเสนอให้ใช้ค าว่า กลุ่มชาติพันธุ์
(Ethnic Group) ในการเรียกกลุ่มชนที่มีลักษณะแตกต่างกันทางวัฒนธรรมเพื่อหลีกเลี่ยงนัยในเชิงดูถูก
เหยียดหยามทางวัฒนธรรมและช่วยให้ปรับเปลี่ยนความสนใจไปศึกษาถึงความเป็นชาติพันธุ์ (Ethnicity)
กลุ่มชาติพันธุ์ (Ethnic Group) ในพื้นที่แม่ฮ่องสอนว่าจะมีการเรียกและให้นิยามกันอย่างไรและควรที่จะใช้
ค าแบบไหนที่ใช้เรียก
กลุ่มชาติพันธุ์ลาหู่ คือ ความเสมอภาคเท่าเทียมเหนือสิ่งอื่นใด
กลุ่มชาติพันธุ์ลีซู คือ รักอิสรภาพเหนือสิ่งอื่นใด
50