Page 301 - kpi17968
P. 301
290
แต่ที่กล่าวมาในกรณีของ ฮันติงตัน นั่นคือ ปัญหาที่ว่า ในบางประเทศ
สถาบันทางการเมืองเปลี่ยนแปลงล่าช้ากว่าการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและ
เศรษฐกิจ แต่ในอีกแง่มุมหนึ่งของปัญหาก็คืออะไร คือสาเหตุของความล่าช้าหรือ
ไม่ปรับตัวของสถาบันทางการเมือง? ซึ่งสาเหตุของปัญหาที่นักรัฐศาสตร์กระแส
หลักค้นพบจากการหยิบยืมมาจากนักสังคมวิทยาและนักมานุษยวิทยาก็คือ
“วัฒนธรรม” ในสังคมนั้น และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง “วัฒนธรรมทางการเมือง”
แนวความคิดเรื่องวัฒนธรรมทางการเมืองที่ใช้กันอยู่แวดวงวิชาการปัจจุบัน
เริ่มเกิดขึ้นในราวกลางศตวรรษที่ยี่สิบ โดยวงการสังคมศาสตร์อเมริกัน เนื่องจาก
ในช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง นักสังคมศาสตร์มุ่งที่จะตอบปัญหาที่ว่า
ทำไมในบางสังคม จึงเกิดการปกครองโดยผู้นำเผด็จการ (authoritarianism) และ
ผู้คนในสังคมนั้นก็ยอมรับและสนับสนุนการปกครองดังกล่าวด้วย ในขณะที่
ประเทศอื่นสนับสนุนสถาบันทางการเมืองประชาธิปไตย โดยในช่วงก่อนและ
ระหว่างสงครามนั้นมีนักมานุษยวิทยาอย่าง มาร์กาเร็ต มีด (Margaret Mead)
และ รู๊ท เบเนดิคท์ (Ruth Benedict) ผู้เป็นนักวิชาการที่สนับสนุนแนวการศึกษา
เรื่อง “บุคลิกภาพและวัฒนธรรม” (culture and personality) อย่างแข็งขัน 10
โดยแนวการศึกษาดังกล่าวเชื่อว่า คนในแต่ละสังคมที่แตกต่างกันจะพัฒนาตัวแบบ
บุคลิกภาพที่แตกต่างกัน และจากตัวแบบบุคลิกภาพนี้เองที่จะช่วยในการอธิบาย
และทำความเข้าใจสาเหตุที่ประชาชนให้การสนับสนุนสถาบันและโครงการทาง
การเมืองนั้นได้
10 งานดังกล่าวได้แก่ Ruth Benedict, Pattern of Culture (New York: Mentor Book:
1934); Thai Culture and Behavior: An Unpublished War-Time Study (Ithaca:
Cornell University, Dept. of Far Eastern Studies: 1943); The Chrysanthemum and
the Sword: Pattern of Japanese Culture (Rutland, Vt.: Tuttle: 1946). และของ
Margaret Mead, Coming of Age in Samoa: A Psychological Study of Primitive
Youth for Western Civilization (New York: Mentor Book: 1929); Cooperation and
Competitions among Primitive Peoples (Boston : Beacon Press: 1937); From the
South Seas : Studies of Adolescence and Sex in Primitive Societies (New York:
M. Morrow and Company: 1939).
การประชุมกลุมยอยที่ 2